‘วิโรจน์’ อนค. อัดทำงบ’63 แบบ ‘รัฐไม่ยอมเปลี่ยนแปลง’ หวาดระแวงท้องถิ่น

‘วิโรจน์ อนาคตใหม่’ อัดทำงบ’63 แบบ ‘รัฐไม่ยอมเปลี่ยนแปลง’ หวาดระแวงท้องถิ่น ไม่ให้อำนาจตัดสินใจ แซะ ‘นายกฯ’ พูดไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่วันนี้เพื่อนบ้านนำหน้าหมดแล้ว โชว์ตัดงบไม่จำเป็น ใส่วิสัยทัศน์ สร้างสวัสดิการถ้วนหน้า

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม เวลา 18.30 น. ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายปิดในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ ว่าหน้าที่ของงบประมาณคือการลงทุนเพื่อพาประเทศไปข้างหน้า พาประชาชนไปอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น การพิจารณาว่างบ 3.2 ล้านล้านบาท เหมาะสมหรือไม่ จำเป็นต้องตอบคำถาม 5 ข้อให้ได้คือ 1.งบนี้สามารถลดทอนปัญหาความเหลื่อมล้ำได้หรือไม่ 2.ให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นหรือไม่ 3.ทำให้ประชาชนเชื่อใจได้หรือไม่ว่าเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาจะได้รับการแก้ไข 4.สามารถสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันผ่านการสร้างศักยภาพให้กับคนไทยและความมั่นคงในการดำเนินชีวิตได้หรือไม่ และ 5.งบถูกจัดสรรการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่

นายวิโรจน์กล่าวว่า จากการอภิปรายของ ส.ส.อนาคตใหม่ทั้งหมด ตนสรุปได้ว่า งบประมาณฉบับนี้ไม่ได้ถูกจัดทำบนพื้นฐานของความเชื่อใจในพลังของท้องถิ่น แต่ตั้งอยู่บนความหวาดระแวง จนนำมาซึ่งการลิดรอนอำนาจตัดสินใจของการใช้งบของท้องถิ่นและประชาชน งบถูกทำมาในโครงสร้างแบบเดิมๆ ที่เรียกว่ารัฐราชการรวมศูนย์ หลายคนแซวว่าเป็นงบแบบ “ติ๊ก ชีโร่” คือรัฐไม่ยอมเปลี่ยนแปลง งบอุดหนุนท้องถิ่นแทบทั้งหมดเป็นงบผ่านที่วานให้ท้องถิ่นช่วยจ่ายให้ ไม่มีอำนาจตัดสินใจอะไรเลย ตราบใดที่รัฐบาลยังไม่ยอมจัดสรรงบประมาณโดยมุ่งเน้นอัดฉีดให้เกิดการลงทุนที่เกิดประโยชน์ทางตรงต่อท้องถิ่นและประชาชน ไม่มีทางที่เศรษฐกิจวันนี้ซึ่งพังที่ฐานรากจะถูกแก้ไขได้ รัฐบาลนี้พูดเสมอว่าจะทำอะไรต้องรับฟังความเห็นของท้องถิ่น แต่ตนคิดอีกมุมหนึ่งว่า ทำไมต้องให้ชาวบ้านที่รู้ปัญหาเล่าปัญหาของเขาให้กับคนที่ไม่รู้ปัญหา และวิงวอนให้คนที่ไม่เข้าใจปัญหาเอาเงินมาแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ไม่เข้าใจให้กับเขา ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องเอางบให้ท้องถิ่นและทลายรัฐราชการรวมศูนย์เสีย

นายวิโรจน์กล่าวว่า การทำงบที่จะตอบโจทย์ประเทศได้ต้องมี 4 ประการ ได้แก่ 1.เปลี่ยนงบดำเนินการให้เป็นงบลงทุน 2.ต้องกระจายการลงทุนไปที่ท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นลงทุนในสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ 3.การลงทุนที่เม็ดเงินเกิดประโยชน์ทางตรงแก่ประชาชน และขับเคลื่อนการลงทุนผ่านท้องถิ่นโดยโครงการย่อยๆ เพราะวันนี้เราสนใจแต่เส้นเลือดใหญ่ ละเลยเส้นเลือดฝอย และ 4.เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ แต่งบ 20,000 หน้าของรัฐบาลมีแต่การใช้จ่ายกับงานที่ไม่เกิดคุณค่า เอาเงินส่วนนั้นมาสร้างสวัสดิการถ้วนหน้าแก่ประชาชนจะดีกว่า เพื่อให้เขากล้าคิดสร้างสรรค์ ไม่ใช่รอให้ประชาชนได้รับความทุกข์แล้วถึงได้โอกาสวิงวอนขอรับการอนุเคราะห์ นี่คือวิธีคิดของพรรคอนาคตใหม่ ทั้งนี้ งบประมาณที่พรรคจะขอจัดสรรใหม่มีจำนวน 95,957 ล้านบาท คิดเป็น 3 เปอร์เซ็นต์ของงบ 3.2 ล้านล้านบาท ถ้าใส่วิสัยทัศน์ลงไปและเอาประชาชนเป็นตัวตั้งจะเห็นการเปลี่ยนแปลง โดยตนตัดงบที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น ลดงบกลางลงมา 32,000 ล้านบาท ซึ่งยังสอดคล้องกับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ลดงบกลาโหม 23,335 ล้านบาท เปลี่ยนจากงบซื้ออาวุธเอามาให้ประชาชนซื้ออาหารดีกว่า ลดงบ กอ.รมน. 3,000 ล้านบาท เป็นต้น

Advertisement

“ถ้าเราไม่ทำอะไรกับงบประมาณนี้ ประเทศเราจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่พัฒนาได้แค่นี้ นายกฯย้ำเสมอว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราปล่อยให้เวียดนาม กัมพูชา ไว้ข้างหลังบ้างก็ได้ เพราะวันนี้มองไปข้างหลังไม่เหลือใครแล้ว เพราะเพื่อนบ้านนำเราไปหมดแล้ว และการลงทุนที่คนอยากเห็นย่อมไม่ใช่การลงทุนเพื่อใครบางคน แล้วประชาชนได้เพียงเศษเนื้อข้างเขียงที่รัฐบาลโยนมาให้ พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้เห็นแย้งกรอบงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท แต่ไม่เห็นด้วยกับการจัดสรรในกระทรวงตามแผนบูรณาการต่างๆ และพรรคอนาคตใหม่เตรียมข้อมูลปรับลดงบที่ไม่คุ้มค่าเหล่านี้ให้สิ้นให้เหี้ยนไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้ารัฐบาลยังดึงดันไม่ยอมตัดลดงบที่สร้างแต่งาน แต่ไม่เกิดมูลค่า ผมก็คงต้องฝากท่านประธานไปถึงนายกฯว่า ก็มาดิครับ” นายวิโรจน์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image