‘เสธ.แมว’ ฉะ กกต.หนีไม่พ้นจำเลยสังคม ปม.จัด ลต.ซ่อมนครปฐมวันพุธทำ อนค.แพ้

‘เสธ.แมว’ ฉะ กกต.หนีไม่พ้นจำเลยสังคม ปม.จัด ลต.ซ่อมนครปฐมวันพุธ แทนที่จะเป็นอาทิตย์ ทำ อนค.แพ้ พร้อมจวกรัฐใช้ จนท.มือไม่ถึง ทำลายสันติสุขชายแดนใต้

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การเลือกตั้งซ่อมที่จ.นครปฐมเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่ได้ส่งผู้สมัคร ส.ส.เข้าแข่งขัน แสดงว่าพรรคอาจคาดการณ์ว่าจะไม่สามารถเอาชนะพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้ หรืออาจจะเป็นความไม่พร้อมหรือจากเหตุผลอื่นๆ ก็ตาม ผลชัยชนะจึงตกเป็นของบ้านใหญ่ตระกูลสะสมทรัพย์ ซึ่งถือว่าเป็นผลจากบารมีและมีเงาอำนาจรัฐอยู่ฉากหลังอย่างเต็มที่ แต่ความผูกพันกับปีกรัฐบาลสืบทอดอำนาจนั้นจะมีความยั่งยืนหรือไม่คงต้องดูกันยาวๆ ต่อไป แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการกำหนดวันเลือกตั้งที่ไม่ใช่วันอาทิตย์ตามปกตินั้น ได้ส่งผลถึงฐานคะแนนเสียงของพรรคอนค. ที่เป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงานและกลุ่มนักศึกษาคนรุ่นใหม่ที่จะมาลงคะแนนให้ ทำให้พรรคอนค. สูญเสียคะแนนไปพอสมควร ดูได้จากผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนลดลงไปประมาณ 10 กว่าเปอร์เซนต์ แต่พรรคอนค. ก็ยังคงได้ประมาณ 28,000 คะแนนซึ่งถือว่าใช้ได้เลย ถ้าเป็นการส่งผู้สมัคร ส.ส.ครบทุกพรรคตามแบบเดิมพรรคอนค. ก็จะยังคงได้รับชัยชนะเหมือนเดิม การที่ไม่กำหนดวันเลือกตั้งในวันอาทิตย์ตามปกติ จึงส่งผลให้ กกต.ตกเป็นจำเลยของสังคมและถูกครหากันต่อไป ยากต่อการฟื้นภาพลักษณ์ เชื่อว่าผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านจะได้นำข้อมูลของการใช้อิทธิพลอำนาจรัฐและเทคนิคผลประโยชน์ต่างตอบแทน ที่สามารถหักด่านกระแสประชาธิปไตยมาได้ มาเป็นข้อพิจารณาในการกำหนดกลยุทธ์การต่อสู้ในการเลือกตั้งซ่อมสนามอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปเพราะฝ่ายปีกรัฐบาลสืบทอดอำนาจย่อมเล็งเห็นผลว่ารูปแบบดังกล่าวเริ่มกลับนำมาใช้อย่างได้ผล ดังนั้นพรรคร่วมฝ่ายค้านต้องดึงกระแสประชาธิปไตยให้สูงไว้อย่างต่อเนื่องไม่ให้ทรุดตัวลง จึงจะประสบชัยชนะได้อย่างแน่นอน

พล.ท.ภราดร กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นเรื่องที่กอ.รมน.ภาค 4 ไปร้องทุกข์กล่าวโทษการกระทำผิดอาญาตามมาตรา 116 ของกลุ่มบุคคลที่ไปขึ้นเวทีเสวนาพรรคร่วมฝ่ายค้านพบประชาชนที่จ.ปัตตานีนั้น ขอยืนยันว่าการใช้เจ้าหน้าที่ที่มือไม่ถึงไปดำเนินการนั้น เป็นการไม่สนองตอบต่อนโยบายการสร้างสันติสุขของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เข้าเกณฑ์ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย แถมไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เมื่อปรากฏข่าวว่าคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาฯ ได้มีการนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกับ ผบ.ทบ.ก็เป็นเรื่องที่ระดับผู้บังคับบัญชาสมควรนำไปพิจารณาเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการสร้างสันติสุข ดีกว่าปล่อยไปทำให้เสียบรรยากาศของการสร้างความสมานฉันท์ของบ้านเมือง เพราะความไม่ประสีประสาของระดับเจ้าหน้าที่

////////////

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image