พลเมืองโต้กลับ ถามตร. ทำไมเลือกควบคุมตัวฝ่ายที่สงบ แต่ไม่ทำอะไรฝ่ายประท้วง

จากกรณที่ แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ อาทินายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว และนาย พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือ พ่อน้องเฌอ เชิญชวนประชาชนจัดกิจกรรมมินิคอนเสิร์ตหน้าสำนักงาน กกต. ก่อนจะมีมวลชนกลุ่มที่ประกาศตัวว่าสนับสนุนรัฐบาล ไปดักรอและตะโกนด่าทอ จนสถานการณ์เกือบวุ่นวาย ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเจรจาและขอให้กลุ่มพลเมืองโต้กลับอยู่ด้านนอก หลังจากนั้นก็เริ่มเจรจาให้ยุติการชุมนุม ก่อนคุมตัวพันธ์ศักดิ์บางส่วนไปโรงพัก ขณะที่นายสิรวิชญ์ ติดอยู่บนสำนักงานกกต.กระทั่งสามารถหลบหนีออกมาได้

วันนี้ (16 มิ.ย.) นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ โพสต์ข้อความระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า “วันนี้ก็ใช้วิธีการม็อบชนม็อบ และให้ม็อบจัดตั้งมาข่มขู่ ปิดล้อมที่ควบคุมตัวผม และพยายามจะเข้ามาทำร้ายผมให้ได้และในวันนี้ช่วงที่กำลังออกจากอาคารB ก็มีบุคคลแปลกหน้านอกเครื่องแบบที่เนียนกับตำรวจ พยายามจะลวงผมให้ออกไปเจอกับม็อบตรงข้าม โชคดีที่ตำรวจที่ประสานงานกับอาจารย์ มาพาตัวออกไปอีกทางและพบอาจารย์ จนออกมาจากที่นั้นได้”

“ก็ดูเอาแล้วกันครับว่าที่ผ่านมาและวันนี้เป็นอย่างไรวันนี้ถือว่าเป็นการคุกคามอย่างมาก ผมเข้าใจว่าตำรวจพยายามจะแก้สถานการณ์เช่นนี้ และคุยกับกลุ่มผู้ประท้วงเหล่านั้นได้ลำบาก
พยายามจะมาพูดคุยกับทางผมเพื่อไม่เกิดการทำร้ายหรือปะทะ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไม ฝ่ายที่ถูกสกัดขัดขวางควบคุมตัว กักบริเวณผมฝ่ายเดียว ทั้งที่ผมยังแทบไม่ได้ทำอะไรเลย
และกรณีพี่เหน่ง พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ต้องถูกนำไปสถานีตำรวจและต้องลงบันทึกประจำวัน แต่ในขณะที่กลุ่มผู้ที่มารวมตัว ต่อต้านผม ทั้งข่มขู่ คุกคามผม และพยายามทำให้สถาณการณ์รุนแรง ได้กลับไปอย่างสบายใจ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่ล่ะครับ ทั้งที่เห็นอย่างนี้มาแต่ตลอด แต่ผมชินชากับมันไม่ได้ นี่มันอภิมหาความอยุติธรรม” นายสิรวิชญ์ ระบุ

ด้านนาย พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ หนึ่งในแกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ระบุว่า “ถ้าทุกคนเข้าใจสถานการณ์ การที่พวกเราออกมารณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญด้วยปฏิบัติการโดยสงบและสันติ แต่ยังมีพี่น้องที่ไม่เห็นด้วยพยายามจะยั่วยุให้เกิดความรุนแรง โดยใช้ข้ออ้างว่าจะมาให้กำลังใจ กกต. คำถามอยู่ที่ว่าทำไมตำรวจไม่ห้ามปรามและควบคุมตัวฝั่งนั้นเลย ถ้าถามผมซึ่งก็เป็นสามัญชนธรรมดา ไม่มีข้อมูลวงนอกวงในก็คิดได้แต่เพียงว่าอาจจะเป็นข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ 1. ตำรวจเห็นว่าทางเราบริสุทธิ์ใจ มีสติ คุยรู้เรื่องเลยเลือกมาคุยกับทางเรา 2. มวลชนฝั่งนั้นจัดตั้งมาและตำรวจกลัว และ/หรือเกรงใจ คนที่จัดตั้งมา 3. การที่ตัวแทน กกต.ยื้อเวลาไม่ลงมารับดอกไม้จากทางฝั่งนั้น ทั้งๆที่เขามากันตั้งแต่เช้า แสดงว่า กกต.มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ และน่าจะรู้อยู่แก่ใจว่า ใครอยู่เบื้องหลังมวลชนกลุ่มนี้ ไม่แน่ใจว่าเป็นข้อไหน หรืออาจจะถูกทุกข้อก็เป็นได้

Advertisement

“อย่างไรก็ตาม ผมในนามพลเมืองโต้กลับ ขอกราบขอบพระคุณพ่อแม่พี่น้องทุกท่านที่เดินทางไปร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ และสามารถระงับอารมณ์ไม่อ่อนไหวไปตามแรงยั่วยุซึ่งอาจจะบานปลายไปเป็นการกระทบกระทั่งและถูกยัดเยียดข้อหาก่อความรุนแรงขึ้นมาเสียเอง โดยเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้มีความพยายามอย่างเพียงพอที่จะระงับเหตุ เราหวังว่าหากมีการจัดกิจกรรมอีกก็ขอให้พ่อแม่พี่น้องรับทราบโดยทั่วไปว่าฝ่ายตรงข้ามประชาธิปไตยได้เริ่มพยายามที่จะจัดตั้งมวลชนมาก่อกวน ยั่วยุ เพื่อก่อเหตุความรุนแรง ทางเราคงต้องใช้สติ และอารมณ์ขัน รับมือกับกลุ่มบุคคลเหล่านี้โดยไม่ตกเป็นเครื่องมือในการร่วมก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นมา”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image