“พปชร.” ยัน ไม่ลืมสัญญาขึ้นค่าแรง 425 บาททั่วประเทศ แต่ต้องค่อยทำแบบค่อยเป็นค่อยไป

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. ในฐานะรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการค่าจ้างมีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-6 บาททั่วประเทศให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2563 ว่า การปรับขึ้นค่าแรงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ถึงจะขึ้นในอัตราที่ไม่สูงมากนัก  แต่จะเป็นผลดีให้เกิดการใช้จ่ายในระบบมากขึ้น เป็นการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนที่ตรงจุด และเป็นรูปธรรมที่สุด หรือที่เรียกว่า ประชาธิปไตยกินได้ สอดรับไปกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของรัฐบาลที่ทยอยออกมาก่อนหน้านี้

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่ารัฐบาลหลอกลวง โดยช่วงหาเสียงประกาศจะขึ้นค่าแรง 425 บาทนั้น การจะปรับค่าแรงขึ้นถึง 425 บาทนั้น เป็นนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐประกาศไว้ตอนหาเสียง ซึ่งได้ยืนยันมาตลอดว่าจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เมื่อเข้ามาเป็นแกนนำรัฐบาลแล้ว เราไม่ได้ลืมสัญญาประชาคม  แต่ต้องพิจารณาบริบทต่างๆ ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมของปัจจัยทางเศรษฐกิจ  ผู้ประกอบการ และแรงงาน  ที่สำคัญต้องให้แรงานทุกคนได้ประโยชน์จากนโยบายอย่างทั่วถึง  เพราะหากปรับขึ้นในอัตราที่สูงในทันทีหรือไม่รอบคอบ ก็จะมีผู้ประกอบการที่ไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ผลเสียก็จะตกอยู่ที่แรงงานเอง จึงขอให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานและประชาชนเข้าใจว่ารัฐบาลพยายามสร้างความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีรายได้มากขึ้นอย่างแน่นอน ในส่วนของแรงงาน  อยากให้มุ่งเน้นพัฒนาฝีมือเพิ่มขึ้น อัตราค่าแรงก็จะสอดรับเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งมีหลายองค์กรที่พัฒนาวิชาชีพให้เป็นมืออาชีพ เช่น สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นต้น ซึ่งการที่แรงงานเข้ารับการอบรม ฝึกทักษะแล้วได้รับใบประกาศนียบัตรรับรอง สามารถนำไปสมัครงานที่มีรายได้สูงขึ้นหรือขอเพิ่มค่าแรงตามคุณวุฒิวิชาชีพได้

“พรรคพลังประชารัฐเรียนรู้จากบทเรียนในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ประกาศขึ้นค่าแรง 300 บาทแล้ว ซึ่งทำให้อัตราค่าแรงขึ้นต่ำทั่วประเทศเพิ่มขึ้นถึง 70% ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคธุรกิจขนาดเล็ก กลุ่มเอสเอ็มอี และภาคอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานจำนวนมาก  และแรงงานยังไม่ทันปรับตัวให้มีศักยภาพเพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการยิ่งต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น และขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศในการส่งออกลดลง  การจ้างงานในบริษัทเล็กๆลดลง ส่งผลให้นักลงทุนย้ายฐานการผลิตไปในประเทศที่มีค่าแรงที่ต่ำกว่า ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐจำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้านในการขึ้นค่าแรง“ น.ส.ทิพานัน กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image