“ช่อ” แจงปมเอกสาร กกต. ‘ปักธง’ จ้องฟันอนาคตใหม่ แฉ มีดาบสองปูทาง ยุบพรรค

ช่อ แจงปมเอกสาร กกต. ‘ปักธง’ จ้องฟันอนาคตใหม่ แฉ มีดาบสองปูทาง ยุบพรรค ฝากจับตา กกต. หวั่น ทำงานตามใบสั่ง

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 9 ธันวาคม ที่พรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีเอกสารการแสดงความคิดเห็นของบุคคลในคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ได้กู้ยืมเงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่มีการเผยแพร่ไปทางโซเชี่ยลมีเดีย ว่า เรื่องนี้เกี่ยวพันธ์กับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเอกสารฉบับนี้หากเป็นความจริงพรรคอนาคตใหม่ขอตั้งข้อสังเกตุว่า เอกสารเป็นความเห็นของบุคคลในกกต.ที่มีอำนาจในการทำความเห็นต่อคดีความของพรรคอนาคตใหม่ที่นายธนาธร ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน ซึ่งในความเห็นดังกล่าวเสนอให้ดำเนินคดีอาญาต่อนายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่รวมถึงให้ตัดสิทธิ์ทางการเมืองต่อคณะกรรมการบริหารพรรค 5 ปี ชัดเจนว่า มีข้อสรุปเบื้องต้นแล้วว่าจะดำเนินคดีอาญากับพรรคอนาคตใหม่ แต่ไม่มีการยุบพรรค เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอาญาที่ไม่สามารถโยงไปถึงขั้นยุบพรรคได้ โดยในเอกสารระบุวันที่ 20 กันยายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนการเรียกเอกสารจากพรรคอนาคตใหม่ที่มีการเรียกในเดือนตุลาคม จึงตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ทางกกต.ได้รับใบสั่งทางการเมือง ว่าจะจัดการคดีเงินกู้พรรคนาคตใหม่อย่างไร ส่วนการเรียกเอกสารต่างๆ เป็นไปเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา หรือเป็นไปเพื่อให้พอเป็นพิธี เพื่อให้ครบตามขั้นตอนที่ควรจะเป็นหรือไม่

โฆษก พรรคอนาคตใหม่ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อความเห็นทำเสร็จตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน แล้วนั้น การพยายามบอกว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่ส่งเอกสาร ส่งเอกสารไม่ครบต้องโดนแน่นอน การทำเช่นนี้ย่อมไม่เกิดประโยชน์ เพราะไม่ว่าจะส่งหรือไม่ส่งเอกสารความเห็นของกกต.ได้ทำเสร็จไปแล้ว พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่า การที่บอกว่าพรรคอนาคตใหม่ส่งเอกสารไม่ทันเป็นข้อพิรุธไม่เป็นจริง เพราะความเห็นกกต.ทำเสร็จแล้วก่อนจะเรียกเอกสาร และเอกสารที่สำคัญได้ส่งไปหมดแล้ว แต่กกต.ได้มีการขอเอกสารเพิ่มเติมมากเกินกว่าจะทำให้เสร็จตามกำหนดเวลา การทำแบบนี้จงใจที่จะให้ส่งไม่ทันเพื่อให้เป็นข้อพิรุธที่ไม่ส่งเอกสาร

“อย่างไรก็ตาม พรรคอนาคตใหม่ ย้ำว่าใบสั่งทางการเมืองไม่ได้มีใบเดียว เพราะทราบมาว่ามีใบสั่งอีกทางที่ต้องการส่งคดีความของพรรคอนาคตใหม่ให้ไปอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรค ทั้งที่ในฐานความผิดเกี่ยวกับการกู้เงินนั้นไม่สามารถนำไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญและยุบพรรคอนาคตใหม่ได้แน่นอน ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนจับตามองว่าใบสั่งทางการเมืองจะมีผลจริงหรือไม่” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

Advertisement

น.ส.พรรณิการ์ระบุว่า นอกจากนี้ สิ่งที่น่าจะพอทำให้เห็นได้ว่าเรื่องของธงหรือใบสั่งทางการเมืองอาจจะเป็นเรื่องจริง คือกรณีที่ กกต.ไม่รอให้คณะอนุกรรมการสอบสวนคดีหุ้นวี-ลัค มีเดีย จำกัดสอบสวนให้แล้วเสร็จก่อน แต่กลับส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญไป โดยที่ยังมีการเรียกพยานในคดีดังกล่าวไปสอบอยู่ ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ได้ยื่นฟ้อง กกต.ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไปแล้ว

แต่ปรากฏว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กกต.กลับยังคงไม่ยอมรับ และออกมายืนยันว่าปฏิบัติหน้าที่โดยชอบแล้ว โดยอ้างว่าที่ กกต.เรียกตัวพยานมาสอบนั้นเป็นเรื่องคดีอาญา ซึ่งทางพรรคขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากเอกสารเรียกพยานมาสอบทุกฉบับ ไม่มีฉบับใดที่ระบุว่าเป็นการสอบในคดีอาญาตามมาตรา 151 ดังที่ กกต.กล่าวอ้าง ในทางกลับกัน เอกสารทุกฉบับระบุว่าเป็นการสอบในความผิดฐานมีลักษณะต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ซึ่งก็คือตามคดีที่ กกต.ส่งฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญไป ไม่มีฉบับใดที่พูดถึงความผิดตามมาตรา 151 เลย

“กกต.พูดแบบนี้ต่อสังคมหมายความว่าอย่างไร นี่เป็นหลักฐานที่ชัดเจน ว่ามีความเป็นไปได้ว่า กกต.มีธงทางการเมือง อนุฯ ยังสอบไม่เสร็จกลับส่งเรื่องสู่ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ทั้งๆที่อนุฯ สอบประเด็นเดียวกัน ไม่ใช่คดีอาญา ขอให้ กกต.ตอบเรื่องนี้ด้วย เพื่อความกระจ่างต่อสังคม ว่าการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.เป็นไปโดยชอบ ไม่มีธงทางการเมืองแบบที่สังคมกำลังสงสัย” น.ส.พรรณิการ์กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image