ณัฐวุฒิ ชี้ ต่อให้ยุบอนาคตใหม่ก็ไม่จบ บอก ไม่มีแล้ว ยุคที่ลงดาบปุ๊บ ตายปั๊บ เรื่องจบทันที

‘ณัฐวุฒิ’ วิเคราะห์ต่อให้ยุบ ‘อนาคตใหม่’ ผลไม่จบง่าย เตือน ‘สุเทพ-วรงค์’ หากตั้งเวทีอ้างต่อสู้ ‘คนชังชาติ’ ระวังจะเจอ ‘คนชังเพิ่ม’ สร้างแรงกดดัน ‘ประยุทธ์’ มากกว่า ชี้ ประชาธิปัตย์ เลือดไหลรายวันล้วนทำตัวเอง หนุนรปห. 10 ปี ถึงวันอยากกลับใจ แต่กองเชียร์ไม่กลับด้วย บอก ‘เสี่ยหนู’ ตีกันพปชร. ดึงงูเห่า หวั่น เพิ่มเสียงลดกระทรวงเอภูมิใจไทย 

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาต กล่าวในรายการ “หัวใจไม่หยุดเต้น” ผ่านแฟนเพจ ‘นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ ตอนหนึ่งว่า “ผลคดีพรรคอนาคตใหม่ คอการเมืองเค้าวิเคราะห์กันไปแล้ว ถ้าหากคำตัดสินเป็นไปอย่างที่คิดกัน น่าสนใจว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะพัฒนาไปอย่างไร วันนี้ไม่ง่ายที่ประชาชนจะลงถนน แต่ผู้คนจะลงมติในหัวใจแน่นอนว่า นี่คือความเป็นธรรมหรือแท้จริงแล้วคือการกระทำต่อฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ผู้มีอำนาจอาจจะคิดง่ายๆ ว่าลงดาบฟันฉับ ตายปั๊บ จบปุ๊บ ไม่มีแล้วครับ สถานการณ์ต่อจากนี้เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์กรณีเลือดไหลออกรายวัน หลายคนถามว่าถึงคราวพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดในประเทศจะสูญพันธุ์หรือไม่ คงไม่ถึงขั้นนั้น ไม่รู้จะเกี่ยวกันหรือไม่ แต่ตนเคยได้ยินมาว่า แมลงสาบเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุอยู่เป็นล้านๆปี ไม่เคยมีสูญพันธุ์มาก่อน พรรคประชาธิปัตย์เค้าก็คงอยู่ของเค้าได้ แต่นับวันจะสาละวันเตี้ยลงอยู่แบบนี้ ถามว่าประชาธิปัตย์มาถึงวันนี้ได้อย่างไร ไม่มีใครทำประชาธิปัตย์ได้ ทุกสิ่งทั้งหลายล้วนแล้วแต่กระทำตัวเองทั้งสิ้น เพราะตลอดระยะเวลาของความขัดแย้งทางการเมือง 10 กว่าปี พรรคนี้แสดงตัวเป็นสะพานของการรัฐประหารสร้างความชอบธรรมให้กับอำนาจเผด็จการ จนผู้คนจำนวนหนึ่งเห็นว่า การสนับสนุนเผด็จการขานรับรัฐประหารเป็นเรื่องชอบธรรมและกระทำได้

“เวลาผ่านไปเมื่อคนส่วนหนึ่งในพรรครู้สึกว่า กำลังหลงทาง อยากจะกลับมาสร้างภาพของความเป็นนักประชาธิปไตยไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ กองเชียร์ส่วนหนึ่งเห็นว่า เป็นการกระบิดกระบวนยักท่าน่ารำคาญ จึงพากันไปสนับสนุนลุงตู่ รู้แล้วรู้รอดไป มีข่าวว่าหลังจากนี้จะมีคนลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์อีก ก็คงเป็นไปได้ เพราะกรณีของคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ชัดเจนเลยว่า อยู่กันได้ลำบากเต็มที ถึงขั้นลาออกจากพรรค ยอมขาดจากส.ส.บัญชีรายชื่อเช่นนี้ อยู่ต่อไปไม่ไหว สิ่งที่น่าสนใจกว่าก็คือว่า ระหว่างพลังประชารัฐกับประชาธิปัตย์ ใครจะทิ้งใครก่อนกัน พลังประชารัฐอย่าคิดว่าถือไพ่เหนือ เก๋าๆ เขี้ยวๆ แบบประชาธิปัตย์ ต่อให้อยู่ในสภาพย่ำแย่แค่ไหน แต่ถ้าหากประเมินแล้วสถานการณ์ของรัฐบาลบอบช้ำอ่อนแอเต็มที่ พรรคนี้จะชิงถอนตัวออกจากรัฐบาลก่อน ประกาศต่อประชาชนว่า นี่คือการตัดสินใจทางการเมืองเพื่อนำพาบ้านเมืองกลับคืนสู่ประชาธิปไตย ไม่เชื่อก็คอยจับตาดูก็แล้วกัน” นายณัฐวุฒิ กล่าว

Advertisement

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการเอางูเห่าฝ่ายค้าน มารวมกับประชาธิปัตย์สายกปปส. แล้วผลักสายอภิสิทธิ์ออกไป เกิดขึ้นไม่ง่าย เพราะกฎหมายไม่ได้เปิดให้ทำได้ขนาดนั้น พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ไปไหนมาไหน เค้าก็ต้องไปด้วยกัน ถ้าจัดการแบ่งซีกแบ่งฝ่าย สถานภาพความเป็นสมาชิกพรรคก็ยังอยู่ ประชาธิปัตย์เขาไม่มีทางขับส.ส.คนไหนออกจากพรรคให้เข้าทางฝ่ายตรงข้ามแล้วถ้าส.ส.คนไหนอยู่ไม่ได้ ตัดสินใจลาออกจากพรรคเองก็จะมีสถานะเป็นศูนย์ในสภาผู้แทนราษฎรแบบคุณพีระพันธุ์ ดังนั้น สถานการณ์ของประชาธิปัตย์กับพลังประชารัฐก็จะตบจูบตบจูบต่อไปแบบนี้ ส่วนที่ภูมิใจไทยโดยคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ออกมาส่งเสียงเตือนสตินายกรัฐมนตรีว่า อย่าไปเอางูเห่าฝ่ายค้านมา ไว้ใจไม่ได้ เลี้ยงไม่เชื่อง อันนี้ก็ต้องดูดีๆว่าคุณอนุทินจำเป็นต้องเล่นเกมนี้หรือไม่ เพราะสมการทางการเมืองแบบปัจจุบัน ประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยจับมือกันแล้วกดดันพลังประชารัฐได้กระทรวงเกรดเอ กระทรวงเศรษฐกิจใหญ่ๆ 2 พรรคนี้ได้มาดูแลเป็นกอบเป็นกำ

“แต่ถ้าเผื่อมีงูเห่าเข้ามามากๆ งูเห่าทั้งหลายจะเข้ามาใต้ชายคาพลังประชารัฐ อำนาจต่อรองของภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์จะลดลงทันที เก้าอี้รัฐมนตรีเบอร์ใหญ่ๆ ที่เคยว่าแน่ก็จะกลายเป็นไม่แน่ จะถูกดึงกลับมาแล้วจัดสรรกันใหม่ อ้างว่าแบ่งให้กับสมาชิกที่เขาข้ามฟากมาช่วยจากฝ่ายค้าน งานนี้ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ หนู ก็อ่านเกมไกล มองเห็นใจบิ๊กตู่บิ๊กป้อม” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับ หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม เดินสายต้าน ลัทธิชังชาติก็เอาเถอะ ว่ากันตามที่สบายใจ อ้างว่าจะต่อสู้กับพวกคนชังชาติ ผมว่าไม่มีคนชังชาติอย่างที่ว่า แต่ถ้าเดินออกมาแบบนายสุเทพกับนายวรงค์จะทำ ผมว่าคนจะชังเพิ่มวาทกรรม ‘ชังชาติ’ จะพลาดเพราะคน ‘ชังเพิ่ม’ นี่เป็นเกมที่พยายามจะสร้างพื้นที่สร้างพลังทางการเมือง เพราะตั้งแต่ออกมาตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย นายสุเทพแตกต่างกันเหลือเกินกับวันที่เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์และเป็นลุงกำนันกปปส. เป็นพรรคร่วมรัฐบาลมีส.ส. 5 ที่นั่ง มีรัฐมนตรี 1 คนก็เงียบเชียบเหมือนกับไม่มี พักหลังมานายสุเทพแกคิดอะไรทำอะไรไม่เป็นเป็นลุงกำนันก็เดินไปทั่วบ้านทั่วเมือง พอตั้งพรรคก็เดินไปทั่วประเทศอ้างว่าคารวะแผ่นดิน วันนี้จะตั้งเวทีปราศรัยตระเวนไปทุกจังหวัดอีกแล้ว

Advertisement

“คนมองว่า เป็นการสร้างแรงกดดันต่อฝ่ายค้านหรือไม่ แต่ผมไม่คิดว่าจะไปสร้างความกดดันใดๆ ให้กับพรรคฝ่ายค้าน แต่ถ้าคุณสุเทพและพวกเปิดเวทีปราศรัยอย่างที่ว่าจริง แรงกดดันทั้งหลายจะถาโถมใส่รัฐบาล เพราะถ้าคุณสุเทพตั้งเวทีได้ คุณธนาธร ก็อาจจะตั้งได้พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย หรือพรรคอื่นๆ เขาก็ตั้งเวทีได้ ถ้าลุงกำนันเดินสายได้ ลุงสารพัดลุง เขาก็คงเดินสายได้เช่นเดียวกันเห็นใจก็แต่ลุงตู่ล่ะครับ ไม่รู้จะจัดการยังไง ส่วนจะไปวิ่งไล่ลุงกับเขาไหม ผมเป็นคนเรียบร้อย ผมวิ่งไล่ยุงดีกว่า” นายณัฐวุฒิ กล่าว

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน
 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image