เมื่อวันที่ 29 มกราคม นายนิกร จำนง ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงบทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญร่างแรก ของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ที่มีนายมีชับ ฤชุพันู์ เป็นประกรธ. ว่า กรณีที่กรธ.ชงบทเฉพาะกาลที่จะทำให้โรดแมปสู่การเลือกตั้งจากเดิมที่คสช.วางไว้ 6-4-6-4 ขยายออกไปเป็น 6-4-8-5 หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติของประชาชนเพื่อดำเนินการร่าง กฏหมายลูก และการกำหนดวันเลือกตั้งต่อไปนั้น คงเป็นระยะเวลาที่มากสุด อาจสั้นกว่านั้นก็ได้ เพราะกรธ.มีความสามารถ และมีอดีตกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) 2 คน จึงมีความชำนาญอยู่แล้ว ขณะที่ กฏหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งชัดๆมี 5 ฉบับ ซึ่งนำของเดิมที่มีอยู่แล้วมาปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ถ้าจะเร่งกันจริงๆเพื่อให้เป็นไปตามโรดแมปเดิม คือ เลือกตั้งกลางปี 2560 ก็ยังสามารถทำได้อยู่ แต่ถ้าดึงช้าก็อาจจะกำหนดวันเลือกตั้งลำบาก เพราะ จะไปชนงานสำคัญประจำช่วงปลายปี รวมไปถึงเทศกาลปีใหม่ด้วย
นายนิกร กล่าวว่า ตนเห็นว่า ช่วงระยะดังกล่าวจะช้าไป 1-2 เดือน ไม่ใช้ประเด็นสำคัญ เพราะประเด็นสำคัญอยู่เนื้อหาของร่างว่า เป็นประชาธิปไตยแค่ไหน และเป็นร่างที่ประชาชนยอมรับเพื่อให้ผ่านประชามติหรือไม่ต่างหาก กรณีที่กรธ.กำหนดให้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) คณะรัฐมนตรี(ครม.)รวมไปถึง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ต้องลาออกภายใน 90 วันหลังจากรัฐธรรมนูญประกาศใช้ถึงจะลงเลือกตั้งได้ มองว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะหากใครจะลาออกไปทำงานการเมืองก็ต้องออกมาก่อน เหมือนอย่างตน เพราะเมื่อรัฐธรรมนูญประกาศใช้ ตนยินดีที่จะลาออกก่อนเพื่อกลับไปทำงานตามสถานะเดิมของตัวเอง ส่วนกรณีที่กรธ.กำหนดให้สปท.ต้องอยู่ต่อไปอีก 1 ปีภายหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้นั้น ซึ่งตามไทม์ไลน์ ประชามติจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2559 หากในกรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญได้รับความเห็นชอบจากประชาชน และสามารถประกาศราชกิจจานุเบกษาและใช้บังคับได้ในเดือนสิงหาคม 2559 ดังนั้น การอยู่ของ สปท.ต่อไปอีก 1 ปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเป็นช่วงที่คาบเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เหลืออยู่ตามโรดแมปที่จะได้สภาใหม่ หรือในช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ปี 2560 อยู่แล้ว
