‘ศปถ.’สรุป 7 วันปีใหม่ดับ 373 ศพ ลดลง 90 รายจากปี 62 ‘กทม.’ แชมป์เสียชีวิต 15 ราย

‘ศปถ.’สรุป 7 วันปีใหม่ 63 ดับ 373 ศพ ลดลง 90 รายจากปี 62 ‘กทม.’ แชมป์เสียชีวิต 15 ราย 6 จังหวัดเยี่ยมไร้ยอดตาย

เมื่อวันที่ 3 มกราคม ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.) ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน(ศปถ.)ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 กล่าวว่า รัฐบาลโดยศปถ.ได้ดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2563 โดยบูรณาการทุกภาคส่วน มุ่งเน้นการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อควบคุมพฤติกรรมเสี่ยง ตามแนวทางประชารัฐ ทั้งนี้ศปถ.ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2563 โดยปภ.และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา เป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” เกิดอุบัติเหตุ 354 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 45 ราย ผู้บาดเจ็บ 359 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ขับรถเร็ว ร้อยละ 30.23 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 23.73 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 82.97 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 61.30 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 42.94 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 29.66 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 28.53 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,029 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 64,957 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 953,238 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 230,603 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 56,447 ราย ไม่มีใบขับขี่ 51,686 ราย

โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ สงขลา (21 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (5 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สงขลา (21 คน) สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 7 วันของการรณรงค์ (27 ธ.ค.62 – 2 ม.ค.63) เกิดอุบัติเหตุรวม 3,421 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 373 ราย ผู้บาดเจ็บ รวม 3,499 คน ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับอุบัติเหตุทางถนนสะสม 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2561 – 2 มกราคม 2562 เกิดอุบัติเหตุรวม 3,791 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 463 ราย และผู้บาดเจ็บรวม 3,892 คน ทำให้เทศกาลปีใหม่ 2563 มีผู้เสียชีวิตลดลง 90 ราย

ขณะที่มีจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 6 จังหวัด ได้แก่ ตราด พะเยา แม่ฮ่องสอน ยะลา ลำพูน และสตูล จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ สงขลา (116 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (15 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สงขลา (121 คน) สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 32.68 ขับรถเร็ว ร้อยละ 29.00 พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 56.12 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 22.49 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.97 รถปิคอัพ ร้อยละ 6.81 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 63.37 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 39.02 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ช่วงเวลา 16.01–20.00 น. ร้อยละ26.28

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 พบว่า สาเหตุหลักของอุบัติเหตุทางถนนยังคงเกิดจากการดื่มแล้วขับ และขับรถเร็ว รวมถึงผู้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด ศปถ.ได้ประสานจังหวัดบูรณาการสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยกำชับให้จังหวัดถอดบทเรียนและวิเคราะห์ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนน เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุในเชิงลึกอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง รวมทั้งค้นหาปัญหาอุปสรรคและปัจจัยความสำเร็จในการลดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อนำไปสู่การกำหนดมาตรการและแนวทางที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในแต่ละพื้นที่ พร้อมบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรง คือ ดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว และการไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลในโอกาสต่อไป

Advertisement

“ทั้งนี้ศปถ.จะได้ดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยบังคับใช้กฎหมายควบคู่กับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักในการใช้รถ ใช้ถนนอย่างปลอดภัย ตลอดจนปรับเปลี่ยนทัศนคติ ค่านิยม และสร้างจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งจะเป็นรากฐานในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืนในสังคมไทยต่อไป ศปถ. ขอขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วน เครือข่ายอาสาสมัคร กลุ่มจิตอาสา และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอำนวยความสะดวกและสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชนในการเดินทาง ด้วยความทุ่มเท และเสียสละ”นายนิพนธ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image