ปธ.กสม.มั่นใจคืนสถานะเกรดเอได้รอเวลาทำตามเงื่อนไขที่ยูเอ็นกำหนด-ชี้ถูกลดเกรดกระทบความร่วมมือระหว่างประเทศและความน่าเชื่อถือ
เมื่อวันที่ 29 มกราคม นายวัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงกรณีสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (โอเอ็นซีเอชอาร์) ปรับลดสถานะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทย (กสม.) จากสมาชิกภาพเต็มเป็นผู้สังเกตการณ์ จากการประเมินของคณะกรรมการประสานงานระหว่างประเทศว่าด้วยสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (ไอซีซี) ว่า ภายหลังจากการแถลงการณ์ของโอเอ็นซีเอชอาร์ ทางกสม.ก็พยายามดำเนินการตามเงื่อนไขที่องค์กรดังกล่าวกำหนดเพื่อให้สถานะของกสม.กลับไปเป็นสมาชิกภาพเต็ม โดยเงื่อนไขแรกที่โอเอ็นซีเอชอาร์ได้กังวลเรื่ององค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหา กสม. ในวันนี้ (29 มกราคม) ที่คณะกรรมาการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกออกมานั้น ในมาตรา 242 วรรคสาม ได้ระบุว่า คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม การสรรหา วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากหน้าที่ของกสม. ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งบทบัญญัติเกี่ยวกับการสรรหาต้องกำหนดให้ผู้แทนองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนมีส่วนร่วมในการสรรหาด้วย เห็นได้ว่าบทบัญญัตินี้ได้ตอบโจทย์เงื่อนไขดังกล่าวแม้จะยังเป็นเพียงร่างรัฐธรรมนูญ แต่หากรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ก็ถือว่าเป็นการทำตามเงื่อนไขที่โอเอ็นซีเอชอาร์ได้กำหนดไว้
นายวัสกล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นเรื่องการคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของกสม. เดิมทีกฎหมายไม่ได้เขียนบทบัญญัตินี้ที่ชัดเจน แต่ก็มีการตีความได้ว่าหากปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีความผิดอะไร แต่เข้าใจว่าทางไอซีซี อยากเห็นสิ่งนี้เป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเตรียมระบุในร่างกฎหมายลูกต่อไปโดยกสม.เองก็อยากได้อยู่แล้ว สำหรับการรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนประจำปีหรือการดำเนินการเพื่อให้ทันตามเวลานั้น กสม.เองก็ได้ดำเนินการในส่วนนี้อยู่แล้ว แต่ต้องเข้าใจว่ารายงานสถานการณ์ประจำปี 2558 เป็นการทำหน้าที่ของกสม.ชุดที่ 2 โดยกสม.ชุดปัจจุบันนี้กำลังดำเนินการทำรายงานสถานการณ์ประจำปี 2559 ส่วนจะวางกรอบว่าต้องทำให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลากี่เดือนนั้น กสม.ต้องคุยรายละเอียดกันอีกครั้ง ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าสถานะของกสม.จะกลับมาอยู่ในเกรดเออีกครั้ง เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการตามเงื่อนไขให้ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม การที่กสม.ถูกลดสถานะคงไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกสม.ในประเทศไทย แต่จะส่งผลต่อความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่จากเดิมเราสามารถลงคะแนนในที่ประชุมก็ทำได้เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ โดยสิ่งนี้อาจส่งผลในทางอ้อมอย่างเรื่องความน่าเชื่อถือหรือน้ำหนักในการแสดงความเห็น