‘เพื่อไทย’แท็กทีมถล่ม ‘ดอน’ กลางสภา ชิมลางอภิปรายไม่ไว้วางใจ แนะรัฐบาลตัดเนื้อร้าย

ส.ส. เพื่อไทย แท็กทีมถล่ม ‘ดอน’ กลางสภา ชิมลางอภิปรายไม่ไว้วางใจ ‘ชวน’ ดึงสติเป็นระยะ แนะรัฐบาลตัดเนื้อร้าย กดดันลาออก หลังปากสว่าง-อวดรู้สหรัฐ ส่งซิกให้ไทยก่อนเด็ดหัวนายพลอิหร่าน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 9 มกราคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ในวาระที่สอง และสาม ตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ที่มีนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานได้พิจารณาเสร็จแล้ว ต่อเป็นวันที่สอง โดยเป็นการพิจารณาในมาตรา 10 ว่าด้วย งบประมาณกระทรวงต่างประเทศ วงเงิน 4,940,473,000 บาท นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ. เสียงข้างน้อย กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนปัจจุบัน เป็นลูกหม้อกระทรวงต่างประเทศ แต่ผลงานช่วงหลายปีที่ผ่านมาน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะคำพูดที่ออกไปต่อสื่อหลายครั้ง ล่าสุดปัญหาระหว่างสหรัฐ-อิหร่านก็พูดว่า สหรัฐส่งสัญญาณการโจมตีอิหร่านมาให้ไทยทราบล่วงหน้า 1วัน ถือว่าน่าห่วงมาก มีความเสี่ยงดึงไทยเข้าไปสู่ความขัดแย้ง ถ้าสงครามลามมาถึงไทย รมว.ต่างประเทศจะรับผิดชอบได้หรือไม่ อาจถูกมองในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด การที่รมว.ต่างประเทศปฏิเสธว่า สิ่งที่พูดเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยลามไปทั่วโลกแล้ว ขอให้รับผิดชอบด้วยการลาออก ขอให้รัฐบาลตัดเนื้อร้ายออก เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ ดังนั้นจึงไม่ไว้วางใจให้งบประมาณของกระทรวงต่างประเทศไทย ขอตัดงบ 15 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่นายชวน เตือนว่า ขอให้อภิปรายอยู่ในเนื้อหางบประมาณ อย่าไปโยงถึงเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ

สำหรับนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ. เสียงข้างน้อย ขึ้นอภิปรายว่า ตนขอปรับลด 15 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 720 ล้าน เหตุผลคือ การขอรับงบประมาณของกระทรวงต่างประเทศจะแตกต่างจากกระทรวงอื่น เพราะใช้เพียงสำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้นเป็นหน่วยรับงบประมาณ กระทรวงการต่างประเทศมีส่วนราชการที่มีฐานะระดับกรมที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ ตามพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 อย่างน้อย 12 หน่วยงาน เช่น กรมการกงสุล กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา กรมอาเซียน กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ เป็นต้น โดยในชั้นการชี้แจง กมธ. เราได้ถามกระทรวงการต่างประเทศว่าเหตใดถึงไม่ให้หน่วยงานในระดับกรมรับงบประมาณได้โดยตรง ซึ่งได้รับการชี้แจงว่า หน่วยงานนั้นเป็นระดับกรมจริง แต่มีลักษณะบุคลากร และลักษณะงานจำเพาะ เพราะบางกรมมีข้าราชการไม่ถึง 200 คน การรับที่หน่วยเดียวจะทำให้บริหารงานได้ง่ายกว่า แต่พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 ในมาตรา 23 ระบุว่า ในการเสนอขอรับงบประมาณต้องแสดงภารกิจของหน่วยรับงบประมาณให้ชัดเจน แต่วิธีการที่กระทรวงการต่างประเทศทำ ทำให้ติดตามการใช้งบประมาณยาก ตนอยากจะให้กระทรวงการต่างประเทศปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 ความจริงตนไม่อยากปรับลด เพราะตนชื่นชมข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ถูกคัดสรรมาจากคนที่สมองดี โดยหลักต้องทำสิ่งดีให้กับประเทศ แต่ล่าสุดคือ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกมาปกป้องศักดิ์ศรีของประเทศชาติ โดยไม่สนใจคำสัมภาษณ์รัฐมนตรีว่าการกระรวงการต่างประเทศ หากเป็นกระทรวงอื่นคงหงอไปแล้ว เป็นการหักหน้าอย่างไม่ปรานี ตนเขียนในทวิตเตอร์ตัวเองว่า ‘ขี้โม้ทำลายประเทศ’ ‘ผีเจาะปากพาศึกเข้าบ้าน’ แต่ก็ไม่ได้ปรับลดด้วยเหตุผลนี้

นพ.ชลน่านอภิปรายต่อว่า แต่เป็นตามเหตุผลโดยรวมเช่น ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ และตัวเลขจีดีพีที่คาดว่าจะได้ 3 เปอร์เซ็นต์ในปี 2563 คงจะไม่ได้ เพราะผีเจาะปากทำลาย แบบนี้ใครจะเชื่อมั่นมาท่องเที่ยวและลงทุนในประเทศไทย อีกเรื่องคือ การกำหนดตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับตามรัฐธรรมนูญ ควรจะกำหนดให้ชัดเจน และครอบคลุม เพราะจะเป็นประโยชน์กับการพิจารณาในการทำงบประมาณในปีถัดไป “วันนี้ผมจะไม่ติดใจเลย และผมจะไม่ขอให้โหวตเพราะผมชื่นชมคนที่ปกป้องประเทศ และไปทำลาย ทำร้ายคนที่จ้องจะทำลายประเทศโดยไม่รู้ตัว แม้จะเป็นข้าราชการในสังกัดของรัฐมนตรีคนนั้น” ส่วน ส.ส. ซึ่งสงวนคำแปรญัตติมีประเด็นที่น่าสนใจ อาทิ นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า ตนขอตัดงบ 5 เปอร์เซ็นต์ เม็ดเงินประมาณ 256 ล้าน ในเรื่องการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือเพื่อการพัฒนากับมิตรประเทศ และองค์การต่างประเทศ ตั้งงบประมาณ 2 พันกว่าล้าน เรื่องตัวเลขงบไม่ใช่ประเด็น แต่เป็นเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งคนที่จะเป็นหน้าตาของประเทศนอกจากนายกฯ แล้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็เป็นส่วนสำคัญ ถ้าหน้าตาดี และแนวคิดดี ประเทศก็มีศักดิ์ศรี แต่เมื่อวันสองวันที่ผ่านมาก็ไม่รู้ว่าท่านไปกินรังแตนมาจากไหน ที่อยู่ๆ ก็รู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องตัวเอง พูดเป็นตุเป็นตะ ท่านไปรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะสังหารนายพลอิหร่าน ทั้งนี้ช่วงเช้ารัฐมนตรีพูดอีกอย่าง บ่ายมาโฆษกกระทรวงการต่างประเทศพูดอีกอย่าง ลูกพี่พูดอย่างลูกน้องพูดอย่าง แบบนี้ควรจะได้รับเงินงบประมาณหรือไม่ การทำงานต้องมีวิสัยทัศน์มากกว่านี้ เรามีความสัมพันธ์กับหลายประเทศ แต่ตอนนี้กำลังสร้างแต่ความร้าวฉาน หากใช้เงินไม่เกิดประโยชน์เราก็ต้องขอตัดงบ “รัฐมนตรี อย่างนายดอน ปรมัตถ์วินัย ที่พูดจานำพาประเทศไปสู่ความเสี่ยง อยากอวดอะไรก็ได้ แต่อย่าเอาชีวิตคนไทยไปเสี่ยง ถ้าพูดจาไม่รู้เรื่องอีก ก็ไปเจอกันที่เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ”นายสมคิดกล่าว

Advertisement

ต่อมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่า ตนขอปรับลดงบกระทรวงการต่างประเทศลง 10 เปอร์เซ็นต์ จริงๆ แล้วกระทรวงนี้ตั้งงบไม่เยอะ และภารกิจหลักของกระทรวงการต่างประเทศมีหน้าที่ทำภาพลักษณ์ของไทยให้ดี ได้รับการยอมรับ และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่กรณีการให้สัมภาษณ์ของ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในเรื่องปฏิบัติการสหรัฐอเมริกาโจมตีอิหร่าน โดยบอกว่ามีการส่งสัญญาณให้ไทยทราบก่อนวันปฏิบัติการ ซึ่งต่อมานักการศาสนามุสลิมชีอะห์ท่านหนึ่งแสดงความเห็นว่า ไม่มีทางที่ไทยจะรู้ปฏิบัติการล่วงหน้า เพราะประเทศพันธมิตรเองก็ยังไม่ทราบ นายประเสริฐแสดงความเห็นว่าเป็นการดึงไทยเข้าไปมีส่วนร่วมทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรเลย ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-อิหร่านนั้นดีมาโดยตลอด แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทำให้เสียหาย ต่อมาโฆษกกระทรวงการต่างประเทศก็ออกมายืนยันว่าไม่มีการแจ้งไทยล่วงหน้า ล่าสุดนายดอนให้สัมภาษณ์ว่าได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อน แบบนี้ถือเป็นการเอาเงินไปให้คนที่ไม่มีความรู้มาบริหารแผ่นดิน ถือว่าเสียหาย นอกจากปรับลดงบแล้ว ไม่พอยังต้องปรับ รมต. ออกจาก คณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วย ซึ่งนายชวนก็ได้กล่าวติงว่า “เก็บไว้อภิปรายไม่ไว้วางใจบ้างนะครับ”

นายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล้าปฏิวัติ และรมว.ต่างประเทศ แต่วันนี้กล้ากับลูกน้องที่ไม่ประสีประสากับการต่างประเทศ กล้าเอาออกหรือไม่ เพราะเป็นการพูดชักศึกเข้าบ้าน น่าเป็นห่วงมาก ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจโดยด่วน ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะถูกดึงเข้าสู่กระบวนการไปด้วย อยากให้ประเทศไทยเป็นกลาง เป็นประเทศมีความสุข ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอภิปรายมาตรา 10 กระทรวงต่างประเทศนั้น ปรากฏว่า ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยทุกคนต่างขึ้นมาถล่มการให้สัมภาษณ์ของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ อย่างหนัก พร้อมให้รับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานการประชุม ต้องคอยตักเตือนอยู่เป็นระยะๆ ให้อภิปรายอยู่ในกรอบของงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ไม่ใช่การอภิปรายในลักษณะอภิปรายไม่ไว้วางใจ กระทั่งเวลา 11.30 น. หลังจากที่สมาชิกอภิปรายจนครบถ้วนทุกคนแล้ว ที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 10 ด้วยคะแนน 248 ต่อ 6 เสียง งดออกเสียง 200 ไม่ลงคะแนนเสียง 1

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image