ณัฐวุฒิ ชี้ วิ่งไล่ลุงไม่ใช่กระแส คนรุ่นใหม่เอาจริง บิ๊กตู่ยิ่งอยู่ พวกเขาจะยิ่งออกมา

‘ณัฐวุฒิ’ ห่วง รัฐใช้ความรุนแรง หลัง ‘วิ่งไล่ลุง’ มีพลัง คนรุ่นใหม่แห่ต่อสู้เพื่อปชต. เหตุเติบโตในยุคทหารอยู่นาน กดทับอำนาจประชาชน

วันนี้ (17 ม.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวในรายการ ‘หัวใจไม่หยุดเต้น’ เผยแพร่ทางแฟนเพจว่า “ผมเคยวิเคราะห์กับพรรคพวกว่ารัฐบาลจะไม่ยอมให้จัดวิ่งไล่ลุง แต่ในที่สุดก็วิ่งกันได้ที่สวนรถไฟ หลังจากนั้นเริ่มมีสัญญาณว่า รัฐบาลจะไม่ยอมให้วิ่งกันต่อวิ่งไล่ลุง ที่เชียงใหม่ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ท่าจะมีปัญหา เพราะเหตุที่รัฐบาลเลือกใช้วิธีการนี้คงเป็นเพราะว่า วิ่งไล่ลุงมีพลัง จะเอาเดินเชียร์ลุงมาสู้คู่ขนานกันไป ท่าทางไม่รอด เพราะเดินเชียร์ลุง ผมเชื่อว่าโตยาก ส่วน วิ่งไล่ลุงจะโตไว ถ้าวันที่ 2 กุมภาพันธ์ รัฐบาลใช้อำนาจใช้วิธีการใดก็ตามสกัดกั้นกิจกรรมนี้ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่เขาจัด คนที่เคยออกมาวิ่งฯ จะหยุดอยู่เฉยๆ แค่นี้ ต่อไปเราคงได้เห็นนวัตกรรมการไล่ลุงถูกผลิตออกมาสารพัดรูปแบบ โป้งแปะไล่ลุง แอโรบิคไล่ลุง ไท้เก๊กไล่ลุง รำวงไล่ลุง อะไรก็ตามที่ไล่ลุง คงมีมาให้ดู แต่สิ่งที่น่าสนใจจากการวิ่งที่ผ่านมา ก็คืออายุเฉลี่ยของคนที่ออกมาร่วมกิจกรรมน้อยกว่าอายุเฉลี่ยของคนที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมาและน้อยกว่าอายุเฉลี่ยของคนที่ออกมาเดินเชียร์ลุงด้วย

“ภาพแบบนี้ปฏิเสธคำพูดว่า คนรุ่นใหม่ไม่สนใจเรื่องบ้านเรื่องเมืองเพราะผมเชื่อว่า ยิ่งสถานการณ์เดินไปข้างหน้า เราจะเห็นภาพคนหนุ่มคนสาวออกมาแสดงตัว แสดงพลังมากขึ้นและมากขึ้นที่เป็นแบบนี้เหตุผลสำคัญส่วนหนึ่งคงเพราะว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและพวก เป็นเผด็จการที่อยู่ในอำนาจยาวนานที่สุดนับจากยุคของจอมพลถนอม จอมพลประภาส จากการยึดอำนาจเมื่อปี 2557 จนมาถึงการเลือกตั้งโดยกติกาสืบทอดอำนาจปี 2562 ห้าปีเต็มๆ ที่พล.อ.ประยุทธ์ถืออำนาจเผด็จการ เด็กอายุ 13 ปีในวันยึดอำนาจ กลายมาเป็นเด็กอายุ 18 ปีในวันเลือกตั้ง พวกเค้าโตขึ้นในวันเวลาที่อำนาจเผด็จการกดทับอำนาจอธิปไตยของประชาชน มีกฎบัตรกฎหมายที่ฝืนต่อพัฒนาการของสังคมโลกและสังคมไทย

“ผมเชื่อว่าที่คนหนุ่มคนสาวเค้าเริ่มออกมาวิ่งไล่ลุง ไม่ใช่เรื่องกระแส แต่มันเกิดจากการเรียนรู้ ความเข้าใจและการตัดสินใจที่จะกำหนดอนาคตของประเทศไทยด้วยตัวเอง ซึ่งจะแตกต่างกับคนหนุ่มคนสาวจำนวนหนึ่งที่เคยออกมาเป่านกหวีด เปิดทางให้เกิดการรัฐประหาร ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป หลายคนแทบไม่อยากจะพูดถึงเรื่องราวชีวิตตัวเองในวันนั้นด้วยซ้ำไป ผู้มีอำนาจต้องทำความเข้าใจกับสัญญาณนี้ดีๆ อย่าไปคิดว่าเด็กถูกหลอกมา อย่าไปคิดว่าคนที่เค้าออกมาแสดงตัวเป็นเพราะขาดความเข้าใจเรื่องบ้านเรื่องเมือง ตรงกันข้าม ผมว่าเค้าเข้าใจอย่างถ่องแท้ดีแล้วต่างหาก และคิดว่าปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้ เค้าจึงต้องออกมา สิ่งที่ควรจะเป็นคือทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันแล้วตั้งหลักนำพาประเทศกลับคืนสู่แนวทางประชาธิปไตยที่เป็นสากล

Advertisement

“แต่สิ่งที่ผมกังวลก็คือ ผู้มีอำนาจจะใช้อำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ หรืออาจจะเลยเถิดไปถึงการใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย อย่าให้สถานการณ์มันเลยเถิดไปถึงขนาดนั้นเลย เพราะไม่มีอำนาจใดที่จะมาฉุดรั้งพัฒนาการที่เป็นจริงของสังคมไปได้ การใช้กำลังหรือความรุนแรงกับประชาชน อาจจะมีผลทำลายชีวิตแต่ทำลายจิตวิญญาณและหลักการที่ถูกต้องไม่ได้ ที่สำคัญคือคนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย ไม่ใช่คนทำความผิด ไม่ใช่อาชญากร เขาเพียงไม่ต้องการให้อำนาจที่ไม่ถูกต้องมีอิทธิพลเหนือความถูกต้องเท่านั้นเอง เข้าใจไหมลุง” นายณัฐวุฒิ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image