‘ครม.’ ไฟเขียว 12 ข้อแก้ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 มอบ ‘บิ๊กป้อม’ ถกแก้ 23 ม.ค.

เมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ จ.นราธิวาส นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร)ว่า ที่ประชุมครม. เห็นชอบในหลักการ 12 มาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 โดยรัฐบาลขอชี้แจงเพื่อความชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ได้มีความเห็นว่าเรื่องฝุ่นเป็นเรื่องปกติ ไม่เคยคิดว่าจะไม่ให้ความสำคัญ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯเป็นประธานการประชุม เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวในวันที่ 23 มกราคมนี้ โดยจะมีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อที่จะพูดคุยในระดับปฏิบัติการให้ชัดเจนร่วมกัน เราไม่ได้มีอะไรติดขัดกับมาตรการ แต่อยากให้การดำเนินการเป็นไปได้จริงไม่ได้ออกมาตรการเฉยๆ จากนั้นจะมีการแถลงผลการประชุมอย่างชัดเจนตามมา เช่น พื้นที่ กทม.ทำอะไรไปแล้วบ้าง พื้นที่ปริมณฑลทำอะไรบ้าง และในจังหวัดต่างๆ ผู้ว่าฯ จะมีอำนาจรับผิดชอบตรงไหนอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจำกัดพื้นที่ให้รถยนต์เข้ามา หรือรถกระบะเข้ามาในพื้นที่ไหนได้บ้าง รวมถึงเรื่องการเผาในที่โล่งจะนำไปหารือด้วย เพื่อให้สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างจริงจัง เมื่อถามว่ามาตรการเร่งด่วนดังกล่าวมีเรื่องที่ให้โรงเรียนสามารถหยุดเรียนได้หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องของโรงเรียนอยู่ในอำนาจของผู้อำนวยการสามารถพิจารณาได้ว่าจะปิดโรงเรียนหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมาตรการ 12 ข้อ ที่ครม.เห็นชอบ ได้แก่ 1.ขยายเขตพื้นที่จำกัดรถบรรทุกเข้ากรุงเทพฯจากวงแหวนรัชดาภิเษก เป็นวงแหวนกาญจนาภิเษก 2. ห้ามรถบรรทุกเข้าพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯในวันคี่ ระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 63 3.ตรวจวัดควันดำรถโดยสาร (ไม่ประจำทาง) ทุกคัน โดยเพิ่มชุดตรวจเป็น 50 ชุด ครบทั้ง 50 เขตของกรุงเทพฯ 4.กรมการขนส่งทางบกปฏิบัติการร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจรในการตรวจสอบ ตรวจจับรถควันดำสำหรับรถโดยสารและรถบรรทุก เพื่อออกคำสั่งห้ามใช้รถ 5.ตรวจสอบโรงงานที่ทำให้เกิดฝุ่นละอองหากไม่เป็นไปตามมาตรฐานให้สั่งปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือสั่งหยุดการประกอบกิจการ 6.กำกับให้กิจกรรมการก่อสร้างรถไฟฟ้าและก่อสร้างอื่นๆ เป็นไปตามข้อกำหนดไม่ทำให้เกิดฝุ่นและปัญหาการจราจร บริเวณรอบพื้นที่ก่อสร้าง

7.ไม่ให้มีการเผาในที่โล่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ที่กระทำการเผา 8.จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาศัยอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องควบคุมการเผาในที่โล่งในช่วงสถานการณ์วิกฤติฝุ่นละอองและเข้มงวดการควบคุมยานพาหนะ โรงงานอุตสาหกรรม และการก่อสร้าง 9.ลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกิน 10 PPM เป็นน้ำมันที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองน้อย 10.ขอความร่วมมือลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวมาทำงานและรถยนต์ของส่วนราชการต้องผ่านมาตรฐานควันดำทุกคัน 11.ให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และสถานศึกษาสนับสนุนการจัดโครงการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสำหรับรถยนต์ดีเซลที่มีอายุเกิน 5 ปี เพื่อช่วยลดฝุ่นละออง และ 12.สร้างการรับรู้และเข้าใจแก่ประชาชน เกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละออง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image