เสียงตอบรับร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญนำมาแถลงเมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา หนักไปทางไม่เห็นด้วย มีเสียงสะท้อนว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ให้ความสำคัญกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา มีส่วนคล้ายกับร่างรัฐธรรมนูญที่ถูกตีตกไปแล้ว ขณะที่ผู้ยกร่างและผู้สนับสนุนเห็นว่าเป็นร่างรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ปัญหาบ้านเมือง ปราบคอร์รัปชั่น พรรคการเมืองไม่ได้ประโยชน์จากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จึงพยายามตีรวน หาทางไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีบทบัญญัติที่ยกร่างขึ้นใหม่ ไม่เคยใช้มาก่อนอยู่หลายเรื่อง อาทิ การเลือกตั้ง ส.ส.ด้วยบัตรใบเดียว ผู้ชนะได้เป็น ส.ส. คะแนนรองลงไป นำไปคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อตามสัดส่วนที่แต่ละพรรคได้คะแนน โดยอ้างว่าเพื่อให้เห็นว่าทุกคะแนนของประชาชนมีความหมาย ไม่ยอมให้สูญเปล่า แต่พอเป็นเรื่องของ ส.ว. ผู้มีสิทธิเลือก ส.ว.จากกลุ่มอาชีพ กลายเป็นผู้สมัครด้วยกันเอง แทนที่จะเป็นประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือการได้มาซึ่งนายกฯ ให้แต่ละพรรคเสนอพรรคละ 3 คนจาก ส.ส.ก็ได้ คนนอกก็ได้ แทนที่จะรับรองผู้นำ หรือปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 ของพรรคที่ประชาชนลงคะแนนเลือก ส.ส.เข้าสภาด้วยจำนวนสูงสุด การกล่าวอ้างถึงประชาชนจึงขัดแย้งกันเองอยู่ในตัว
ที่จริงไม่น่าแปลกใจที่ กรธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญออกมาแบบนี้ เพราะไม่เคยมีมาก่อนที่จะมีร่างรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยเกิดขึ้นภายหลังการรัฐประหารหรือภายใต้อำนาจพิเศษ เมื่อไม่ได้ยกร่างในยามบ้านเมืองปกติ ย่อมจะมีเนื้อหายึดโยงกับกลุ่มอำนาจแทนที่จะโยงกับประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว ในบทเฉพาะกาลยังกำหนดให้หัวหน้า คสช.และ คสช. ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปแม้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่แล้ว จนกว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ารับหน้าที่ โดยให้มีหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 รวมถึงมาตรา 44 ด้วย เมื่อเสียงตอบรับเป็นไปในทางปฏิเสธ หากเดินหน้าเข้าสู่ขั้นตอนประชามติ ประชาชนจะให้ผ่านหรือไม่ หรือว่าคณะกรรมการยกร่างฯ จะปรับแก้ในช่วงเวลาที่ยังมีอยู่
