เทพไท งัด 9 ข้อ โต้ ‘มัลลิกา’ ชี้ให้เวลาพิจารณาตัวเองนานแล้ว ยันต้องปกป้องหลักยึดปชป.

“เทพไท”งัด 9 ข้อ โต้ “ติ่ง มัลลิกา”ชี้ให้เวลาพิจารณาตัวเองนานแล้ว เทียบอดีตรมต.ปชป.ใช้เวลาเพียง 2-7 วันก็ลาออก ลั่นหากตัวเองทำผิดลาออกทันที ยันคดีเลือกนายกฯ อบจ.นครศรีฯเป็นคดีอาญา ไม่ใช่ทุจริตต่อหน้าที่

เมื่อวันที่ 20 มี.ค.เวลา 10.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จากการที่ตนได้ทำหนังสือยื่นต่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนสมาชิกพรรคที่ถูกข้อกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัย และขอให้สมาชิกพรรคผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองลาออกนั้น ตนมีเหตุผลที่จะชี้แจง 9 ข้อคือ1.เรื่องนี้เป็นไปตามหลักการ และจุดยืนของพรรค ที่เคยปฏิบัติกันมา เมื่อมีสมาชิกพรรคผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถูกข้อกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริต เช่น นายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรี อดีตรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถูกข้อกล่าวหา ใช้เวลาไม่เกิน7วันลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรมว.สาธารณสุข ถูกข้อกล่าวหา ใช้เวลาไม่เกิน 5วัน พิจารณาตัวเองลาออก ส่วนนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯกทม. ใช้เวลาเพียง 2 วัน ก็ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งๆที่ได้รับเลือกจากประชาชนเกิน1ล้านคะแนน และทำงานได้แค่ 6 เดือนเท่านั้น แต่กรณีของนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ ถูกข้อกล่าวหามาเกิน7วันแล้ว ยังไม่มีความชัดเจนในการดำเนินการใดๆจากพรรค ตนจึงต้องทำหนังสือเพื่อเร่งรัดให้มีการสอบสวน เพื่อไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ให้เกิดความเสียหายอีกต่อไป

นายเทพไท กล่าวต่อว่า 2.การลาออกจากตำแหน่งระหว่างการสอบข้อเท็จเป็นความสง่างาม เมื่อสอบข้อเท็จจริงแล้วไม่พบความผิด ก็สามารถเข้ากลับมารับตำแหน่งเดิมได้อีก เพราะตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี เป็นเพียงตำแหน่งที่แต่งตั้งโดยมติ ครม.ซึ่งต่างกับตำแหน่งรัฐมนตรีที่ต้องได้รับโปรดเกล้าฯ และหากถามว่าไวไปหรือไม่ที่ออกมาเรียกร้องให้ลาออก ขอเรียนว่าไม่ได้เร็วเกินไป เพราะได้ให้เวลากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพอสมควรแล้ว 3.ตนกับนางมัลลิกาไม่ได้มีความขัดแย้งเป็นการส่วนตัว ไม่มีความอิจฉาริษยา หรือทำไปเพื่อหวังผลทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น เพราะหากนางมัลลิกา ลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา ตนก็ไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปรับตำแหน่งแทน ดังนั้นการมากล่าวหาว่าไปขับไล่ไสส่งเพื่อนร่วมพรรคก็ไม่เป็นความจริง เพราะเราต้องยึดหลักการของพรรคมากกว่าตัวบุคคล 4.การดำเนินการในเรื่องนี้ไม่ใช่การเมืองภายในพรรค ไม่ใช่ความขัดแย้ง ที่ต้องการเปลี่ยนขั้วการเมืองในพรรค เพราะตนเลือกนายจุรินทร์ เป็นหัวหน้าพรรค แต่เป็นเรื่องของหน้ากากอนามัยขาดแคลน ประชาชนเดือดร้อน หาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้ และมีการกล่าวหาว่ามีนักการเมืองหญิงเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี มีส่วนเกี่ยวข้อง ตนจึงต้องการพิสูจน์ความจริง ทำความจริงให้ปรากฎ และที่ตนลงชื่อในหนังสือถึงหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียว เพราะไม่ต้องการให้ถูกกล่าวหาว่าเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มไม่อยากร่วมรัฐบาล กลุ่มโหวตสวนญัตติ มาตรา 44บ้าง หรือกลุ่ม 17 ส.ส.ไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ

นายเทพไท กล่าวต่อว่า 5.เรื่องนี้ไม่ใช่ขบวนการเลื่อยขาเก้าอี้รัฐมนตรีคนใด เพราะข้อกล่าวหาเกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีเท่านั้น และบรรยากาศในขณะนี้ยังไม่มีวี่แววการปรับ ครม.เลย สำหรับตนก็ได้ประกาศมาโดยตลอดว่าจะไม่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้อย่างเด็ดขาด 6.ข้อกล่าวหาว่าเรื่องนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เป็นการรับงานทางการเมืองของบางกลุ่มมา และเป็นพวกเดียวกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลืออาชญากรรม ก็ไม่เป็นความจริง ไม่ใช่คนพวกเดียวกัน หรือรับงานกันมาเพื่อหวังผลทางการเมืองอย่างแน่นอน เพราะตนกับนายอัจฉริยะ ไม่ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว และตนได้เรียกร้องให้นายอัจฉริยะเปิดเผยชื่อจริงของคนที่เกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัย ยังโดนนายอัจฉริยะ ดูถูก เหยียดหยาม ไม่ให้ราคาข้อเรียกร้องของตน

Advertisement

นายเทพไท กล่าวต่อว่า 7.การกล่าวหาว่าตนมีคดีความ ตกเป็นจำเลยในศาล ทำไมไม่แสดงสปิริต ลาออกจาก ส.ส.นั้น ขอชี้แจงว่า ตนมีหลายคดี ตั้งแต่เป็นโฆษกส่วนตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และจัดรายการสายล่อฟ้า ซึ่งเป็นคดีหมิ่นประมาท ส่วนคดีเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เป็นคดีอาญา ไม่ได้เป็นคดีทุจริตต่อหน้าที่ หากตนใช้หน้าที่ ส.ส.ไปตบทรัพย์ เรียกรับผลประโยชน์ หรือทุจริตต่อหน้าที่โดยมิชอบ ตนก็พร้อมจะแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่งในทันที 8.ตนขอทำหน้าที่พิทักษ์อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ 10 ข้อ และเงื่อนไข 3ข้อในการเข้าร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะข้อ 3 เรื่องการทุจริต จะต้องบังคับใช้กับพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ไม่มีข้อยกเว้นให้กับพรรคประชาธิปัตย์ และ 9.ขอขอบคุณหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และคณะกรรมการชุดนี้ต้องสอบคู่ขนานกับการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ด้วย

“ทั้ง 9 ข้อนี้เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดในการทำหน้าที่ เพื่อพิทักษ์อุดมการณ์ของพรรคให้สมกับหลักการของพรรคที่ว่า ประชาธิปัตย์ สื่อสัตย์ มืออาชีพ และผมจะพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนที่หัวหน้าพรรคตั้งขึ้น ผลจะออกมาอย่างไรก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการ จะตอบกับสังคมเอง” นายเทพไท กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image