“ก้าวไกล” แนะโยกงบจากหน่วยงานที่ไม่มีภารกิจ มาแก้ปัญหาวิกฤตไวรัส

ก้าวไกล แนะโยกงบประมาณจากหน่วยงานที่ไม่มีภารกิจมาแก้ปัญหาวิกฤตไวรัสโควิด-19

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า ตอนนี้เริ่มมีกระแสตั้งคำถามว่างบกลางหายไปไหนกันในโซเชียลมีเดียตลอดช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในระหว่างที่รอคำตอบที่ชัดเจนจากทางรัฐบาล ตนขอลองช่วยรัฐบาลตอบไปพลางๆ ทั้งนี้ งบกลางปีงบประมาณ 2563 ร่วม 520,000 ล้านบาท เป็นการตั้งงบรองรับเหตุการณ์ที่ยังไม่ทราบว่าในปีนี้จะมีค่าใช้จ่ายตามจริงเท่าไหร่ เช่น ค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ เราก็ไม่ทราบว่าปีนี้ข้าราชการจะป่วยกี่คน ต้องใช้เงินเท่าไหร่ เงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญก็อยู่ในงบกลาง เพราะเราไม่รู้ว่าจะข้าราชการลาออกกี่คน

น.ส.ศิริกัญญา ระบุว่า ส่วนที่นำมาใช้จ่ายได้ในกรณีวิกฤตโควิด19 ที่เรากำลังเผชิญอยู่ ก็น่าจะเป็น ข้อ 11 เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินจำเป็นวงเงิน 96,000 ล้านบาท เท่าที่จะหาข้อมูลได้จากมติครม. มีการอนุมัติการใช้งบส่วนนี้ไปแล้วราว 94,000 ล้านบาทระหว่าง 1 ตุลาคม 62 – 24 มีนาคม ส่วนใหญ่ก็ใช้ไปกับการแก้ปัญหาโควิด19 และภัยแล้ง รวมถึงการจัดเตรียมงบเพื่อชดเชยรายได้ 45,000 ล้านบาท สำหรับแรงงานนอกระบบ 3 ล้านรายด้วย เท่ากับเงินสำรองส่วนนี้ใกล้หมดเต็มทีแล้ว แต่ที่เราไม่ทราบเลยก็คือการเบิกจ่ายงบประมาณว่างบที่ได้รับอนุมัติว่าเป็นไปอย่างไรบ้าง มีการยกเลิก เปลี่ยนแปลงรายการอะไรไปบ้างหรือไม่ หลังจากมีมติครม. ตรงนี้คงต้องรอคอยคำตอบจาก กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และกรมบัญชีกลางต่อไป นอกจากเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน จำเป็น รัฐบาลยังมีเงินสำรองอีกก๊อก ที่กำหนดไว้ตามพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ ที่ให้รัฐบาลมีงบฉุกเฉินก๊อก 2 อีก 50,000 ล้านบาท น่าจะยังไม่ได้นำมาใช้ ณ ขณะนี้

“แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน เรายังคงต้องใช้งบประมาณอีกมากเพื่อเตรียมความพร้อมสถานพยาบาล อุปกรณ์ เวชภัณฑ์ และยา สำหรับการป้องกัน ควบคุมโรค และรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อ รวมไปถึงการชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ แม้แต่มาตรการชดเชยรายได้ 5,000 บาทต่อเดือน ที่ตอนแรกประมาณการไว้ว่าจะมี 3 ล้านคนที่ได้รับ ตัวเลขจริงก็อาจจะสูงกว่านี้ และกระทรวงการคลังยืนยันแล้วว่าแจกทุกคน ไม่มีอั้น แสดงว่าเงินสำรองจะไม่เพียงพอแล้วแน่นอน” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

Advertisement

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า สัญญาณจากรัฐบาลตอนนี้ แน่นอนแล้วว่าจะมีการออก พ.ร.ก.เงินกู้ ตามข่าวคือ 200,000 ล้านบาท ซึ่งก็คงต้องใช้เวลาเตรียมการ สิ่งที่ทำได้เลยในเวลานี้คือการโยกงบประมาณจากหน่วยงานที่ไม่ได้มีภารกิจแก้ปัญหาโควิด19 โดยตรง มาไว้ที่งบกลาง หรือกระทรวงสาธารณสุขตามความจำเป็นและความสะดวกในการใช้ ซึ่งทำได้ผ่านการออก พ.ร.บ.โอนย้ายงบประมาณ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ปีที่แล้วก็ทำ

” จากงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท มีงบประมาณส่วนที่ “ตัดไม่ได้เด็ดขาด” คือเงินเดือนข้าราชการ สวัสดิการตามกฎหมาย งบชำระหนี้ และภาระผูกพัน สุดท้ายจะมีเงินส่วนที่ยังพอจะโยกย้ายได้อยู่ 1.2 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายลงทุน 650,000 ล้านบาท ซึ่งต้องคงสัดส่วนที่ 20% ของงบประมาณตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ส่วนที่เหลือเป็นรายจ่ายประจำ 550,000 ล้านบาท ตอนนี้งบประมาณปี 63 ดำเนินมาได้ครึ่งทางแล้ว งบบางส่วนถูกเบิกจ่ายไปแล้ว รายจ่ายประจำ เบิกจ่ายไปแล้วราว 40% ของงบประมาณ ประมาณการคร่าวๆ งบที่ยังไม่ได้ใช้คือ 330,000 ล้านบาทจากทุกกระทรวง แน่นอนว่าบางกระทรวงอาจโยกงบได้มากน้อยแตกต่างกัน และเรายังภารกิจอื่นๆ ที่ต้องจัดการนอกเหนือจากโควิด19 ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง ปัญหา PM2.5 ในภาคเหนือ และไฟป่า จึงคาดว่าส่วนที่จะโยกได้จริงๆ คือ 80,000-100,000 ล้านบาท ดังนั้นก่อนจะออก พ.ร.ก.เงินกู้ฉุกเฉิน ควรจัดสรรงบปี 63 ใหม่เสียก่อน จัดลำดับความสำคัญใหม่ ให้สาธารณสุข และการเยียวยาผู้คนได้รับความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ไม่เช่นนั้นแล้ว การกู้เงินเพิ่มอีก 200,000 ล้านบาทก็อาจจะไม่เพียงพอ” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image