ศบค.ห่วงภูเก็ต ผู้ป่วยโควิดเต็มทุกอำเภอ เตรียมพื้นที่กักคนไทยกลับจาก ‘อินโด-มาเลย์-สหรัฐ’ อีก

โฆษกศบค. ห่วงภูเก็ต พบผู้ป่วยโควิดเต็มทุกอำเภอ เตรียมพื้นที่กักคนไทยกลับ จาก “อินโด-มาเลย์-สหรัฐ” อีกล็อต พบ ผู้สูงอายุยังเสี่ยง ขอสงกรานต์รดแอลกอฮอล์เจล แสดงความกตัญญู

เมื่อเวลา 11.30 วันที่ 3 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงความคืบหน้าของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า สถานการณ์ทั่วโลก พบยอดผู้ป่วยสะสม 1,014,296 คน ยอดผู้เสียชีวิต 52,298 คน และมีผู้ที่รักษาหายแล้ว 212,018 คน ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 103 ราย หายแล้ว 581 ราย สะสม 1,978 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 4 ราย รวมเสียชีวิต 19 ราย อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ตัวเลขผู้ที่หายแล้ว 581 ราย ถือว่าต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะระบบของการรายงานข้อมูลยังเป็นระบบที่ต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์กรอกผ่านออนไลน์ ซึ่งขณะนี้กำลังปรับระบบกันอยู่ แต่เชื่อว่า ตัวเลขผู้ที่หายแล้วจะมีมากกว่านี้ จึงฝากไปยังบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะภาคเอกชนในกทม. ซึ่งถือเป็นกำลังหลักในการรักษาผู้ป่วยให้หายดี โดยทาง ศบค.จะเรียกข้อมูลชุดนี้จากโรงพยาบาลเอกชนเข้าเพิ่มเติมด้วย

“สำหรับผู้ที่เสียชีวิตเพิ่ม 4 รายนั้น พบว่า 3 ใน 4 ถือเป็นผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว จึงอยากย้ำอีกครั้ง โดยเฉพาะ เมื่อเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ถ้าเป็นลูกกตัญญูไม่ควรเข้าใกล้พ่อแม่ หรือปู่ย่าตายายที่สูงอายุ เพราะคนเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงมาก ปีนี้หลายคนบอกว่า รดน้ำสงกรานต์ก็ไม่ควรจะมี ถ้าจะมีก็ควรใช้แอลกอฮอล์เจลรด ขอพรท่านก็น่าจะดี ไม่ควรใช้น้ำ ซึ่งจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำในหน้าแล้งนี้ด้วย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว และว่า ขณะที่ในจำนวนที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 103 ราย พบว่า 48 รายแรกถือเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายเดิม และเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ อาทิ สนามมวย สถานบันเทิง และพิธีทางศาสนาในประเทศอินโดนีเซีย เป็นต้น ส่วนอีก 44 ราย พบว่า เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ และสัมผัสกับผู้เดินทางจากต่างประเทศ และ อีก 11 รายอยู่ระหว่างการสอบสวน อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ เพราะผู้ป่วยรายใหม่ 103 รายนั้น พบผู้ป่วยลดลงเหลือ 14 จังหวัดเท่านั้น

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในประเทศไทยมีทั้งหมด 15 จังหวัด ที่ยังไม่พบผู้ป่วยเลย ได้แก่ 1.กำแพงเพชร 2.ชัยนาท 3.ตราด 4.น่าน 5.บึงกาฬ 6.พระนครศรีอยุธยา 7.พังงา 8.พิจิตร 9.จ.ระนอง 10.ลำปาง 11.สกลนคร 12.สตูล 13.สิงห์บุรี 14.สมุทรสงคราม และ 15.อ่างทอง จึงต้องขอส่งใจช่วยให้ 15 จังหวัดนี้ไม่พบผู้ป่วยเช่นนี้ตลอดไป อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมโรคได้จัดอันดับจังหวัดที่มีอัตราป่วยสะสมสูงสุด 10 ลำดับแรกของประเทศ จากการคำนวณอัตราประชากรในพื้นที่ต่อแสน ได้แก่ 1.ภูเก็ต 88 ราย 2.กทม. 896 ราย 3.นนทบุรี 109 ราย 4.ยะลา 42 ราย 5.สมุทรปราการ 82 ราย 6.ปัตตานี 36 ราย 7.ชลบุรี 50 ราย 8.สมุทรสาคร 16 ราย 9.กระบี่ 12 ราย และ 10. ประจวบคีรีขันธ์ 13 ราย ซึ่งใน 10 ลำดับนี้ กทม. กับภูเก็ตถือว่า ต้องเน้นย้ำกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะภูเก็ต เพราะภายใน 1 เดือน จากพื้นที่สีขาวใน 3 อำเภอกลับมีพื้นที่ที่พบผู้ป่วยเต็มไปทั้งจังหวัด พบผู้ป่วยมากที่สุดอยู่ที่ อ.กระทู้ อำเภอเมือง และอ.ถลาง ทำให้ขณะนี้มีอัตราของการเจ็บป่วยมากที่สุดในประเทศเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากร

“สำหรับกลุ่มอายุ 20-29 ปีถือเป็นกลุ่มที่พบติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นตลอดเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีการเดินทางพบปะสังสรรค์จำนวนมาก เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส จึงต้องให้คนในครอบครับช่วยกันสื่อสารต่อ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับความคืบหน้าตามคำสั่งการโดย พล.อ.ประยุทธ์ ให้มีการชะลอของการเดินทางของทั้งคนไทย และต่างชาติเข้าสู่เมืองไทย แต่ได้ยกเว้นกลุ่มคนที่ขออนุญาตไว้ก่อนที่จะมีคำสั่งนั้น ล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งข้อมูลแล้วว่า จะมีคนไทยทยอยเดินทางกลับจากต่างประเทศ ประกอบด้วยประเทศอินโดนีเซีย จำนวน 100 ในวันที่ 6 เมษายน ประเทศมาเลเซียอีก 83 คน และนักเรียนโครงการแลกเปลี่ยน AFS จากสหรัฐอเมริกาอีกจำนวนหนึ่งจะทยอยเข้ามา โดยทุกคนจะต้องให้ความร่วมมืออยู่ในพื้นที่ที่ทางการจัดให้ 100% เพราะทั้งหมดถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะนำเชื้อมาถึงคนภายในประเทศ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image