ครม.อนุมัติขยายสินเชื่อโครงการชะลอการขายข้าวเปลือก ปี 62/63 อีก 5 พันล้าน

ครม.อนุมัติขยายสินเชื่อโครงการชะลอการขายข้าวเปลือก ปี 62/63 อีก 5 พันล้าน รองรับเกษตรกรร่วมโครงการทะลุเป้า ด้าน “บิ๊กตู่” สั่ง พณ.-เกษตร เร่งศึกษาส่งออกข้าวเพิ่ม มั่นใจ ความต้องการสูงแน่ หลังสถานการณ์โควิด

เมื่อวันที่ 7 เมษายน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ให้ปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณข้าวเปลือก เพิ่มวงเงินสินเชื่อ และขยายระยะเวลาการทำสัญญาเงินกู้ ตามโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2562/63 เพิ่มเติม โดยรับทราบ การเพิ่มเป้าหมายปริมาณการชะลอขายข้าวเปลือกเป็น 1.5 ล้านตัน จากเดิม 1 ล้านตัน โดยปรับเพิ่มวงเงินสินเชื่อโครงการเป็น 15,000 ล้านบาท จากเดิม 10,000 ล้านบาท และ ขยายระยะเวลาการทำสัญญาให้สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายนนี้ สำหรับภาคใต้ขยายถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 จากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 และเห็นชอบให้จัดสรรวงเงินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกปีการผลิต 2562/63 วงเงินรวมทั้งสิ้น 682.86 ล้านบาท โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขอจัดสรรวงเงินงบประมาณประจำปี 2564 และปีถัดๆ ไป ซึ่งรัฐบาลจะเป็นผู้ชำระเงินชดเชยดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 12 เดือน ของ ธ.ก.ส. บวก 1 ต่อปี และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงกรณีที่มีการระบายข้าว ได้แก่ ค่าขนย้ายข้าวเปลือก ต้นทุนเงินค่าขนย้ายข้าวเปลือก และส่วนต่างภาระขาดทุนจากการระบายข้าว

น.ส.รัชดา กล่าวว่า อีกทั้ง ครม.ยังเห็นชอบให้จัดสรรค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกโครงการฯ เพิ่มเติม วงเงินรวม 750 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณข้าวเปลือกโครงการเป็น 1.5 ล้านตัน เพื่อจ่ายเป็นค่าฝากเก็บรักษาคุณภาพข้าวเปลือกที่เก็บไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกร ตันละ 1,500 บาท และสถาบันเกษตรกรที่รับฝากไว้ ตันละ 1,500 บาท แบ่งออกเป็นสถาบันเกษตรกรได้รับตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ฝากข้าวได้รับตันละ 500 บาท ซึ่งต้องเก็บข้าวไว้อย่างน้อย 1 เดือน ระยะเวลาไถ่ถอน 5 เดือน โดยมอบหมายให้ ธ.ก.ส. ขอจัดสรรงบประมาณจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) และนำเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรพิจารณาต่อไป โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกันทำงานศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายโอกาสส่งออกข้าวไทยไปยังต่างประเทศโดยต้องไม่กระทบความต้องการในประเทศ เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก อาจทำให้ความสามารถการผลิตของแต่ละประเทศลดลง และมีความจำเป็นต้องนำเข้าข้าวเพิ่มมากขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image