ศบค. ชี้ข่าวดี ไม่มีรายงานผู้ป่วยช่วง 28 วัน รวม 43 จังหวัด ภาคเหนือไร้คนติดเชื้อทุกจังหวัด

ศบค.แถลง พบผู้ติดเชื้อใหม่ 8 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม รักษาตัวในโรงพยาบาล 161 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสม 3,000 ราย เผยไม่มีรายงานผู้ป่วยช่วง 28 วัน 43 จังหวัดแล้ว พร้อมชื่นชมภาคเหนือไร้ผู้ติดเชื้อ 28 วันครบทุกจังหวัดแล้ว

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 8 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (ศบค.) แถลงถึงความคืบหน้าสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ว่า มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่  8  ราย ผู้ป่วยสะสม 3,000 ราย หายป่วยเพิ่ม 12 ราย รวมหายป่วยสะสม 2,784  ราย  รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 161 ราย โดยวันนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมมีผู้เสียชีวิตสะสม 55  ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า สำหรับรายละเอียดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8 รายนั้น พบว่า เป็นการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกและค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชน จ.ซึ่งผู้ป่วย 3 รายแรกเป็นการค้นหาเชิงรุก ที่อ.บันนังสตา จ. ยะลา เป็นเพศชาย สัญชาติไทยทั้ง 3 ราย อายุ 45 ปี 1 ราย และ 51 ปี 2 ราย เป็นผู้ป่วยสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ที่กลับมาจากมาเลเซีย โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 3 โดยติดจากรุ่นแรกที่กลับมาจากต่างประเทศส่วนอีก 5 รายนั้นคือที่ศูนย์กักกันผู้ต้องกัก ตรวจคนเข้าเมือง อ.สะเดา จ.สงขลา เพศหญิงต่างด้าวทั้งหมด อายุ 19-30 ปี

“ ทั้งหมดนี้เราต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับแหล่งที่มาของการติดเชื้อ ตอนนี้เราพยายามซีลรอบประเทศของเรา โดยคนที่กลับมาจากต่างประเทศจะเข้ารับการกักตัวดูแลในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ เป็นการออกแบบระบบเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ขอให้ทุกคนช่วยกันรักษาระดับการไม่ติดเชื้อต่อไปเรื่อยๆ “

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สำหรับการรายงานการกระจายตัวของผู้ป่วย พบว่า จังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยช่วง 28 วันที่ผ่านมามี 25 จังหวัด ส่วนช่วง 28 วันที่ผ่านมาที่ไม่มีรายงานผู้ป่วย มี 43 จังหวัด โดยจังหวัดที่เพิ่มเติมเข้ามานั้นคือฉะเชิงเทรา นครสวรรค์  พะเยา สุราษฎร์ธานี และจังหวัดที่ไม่มีผู้ป่วยรายงานเลยยังเป็น  9 จังหวัดเหมือนเดิม  ทั้งนี้ ขอชื่นชมภาคเหนือ เนื่องจากช่วง 28 วันหรือประมาณ 1 เดือนไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อแล้ว ขอส่งกำลังใจทุกจังหวัดเพื่อช่วยให้เรามีตัวเลขและสถิติที่ดี

Advertisement

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนการตรวจค้นหาผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ PUI ขณะนี้ปรับเกณฑ์โดยบุคคลที่สงสัยว่าป่วยโรคโควิด-19 สำหรับประชาชนทั่วไป หากมีอาการและอาการแสดงออกคือ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหรือหายใจลำบาก ผู้ป่วยปอดอักเสบ และไม่ได้กลิ่น มีไข้ รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงทั้งการเดินทางไปสถานที่เสี่ยง อาชีพที่เกี่ยวกับนักท่องเที่ยว สถานที่แออัด ติดต่อกับคนจำนวนมาก สัมผัสผู้ป่วยยืนยันหรือคนในครอบครัวเดียวกัน หรือแพทย์สงสัยว่าติดเชื้อ เป็นต้น ถ้าหากมีอาการอยู่ในเกณฑ์ดังกล่าวจะไม่เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจ

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ของโลก ขณะนี้ พบว่ามีผู้ติดเชื้อ  3,916,338 ราย มีผู้เสียชีวิต  270,711 ราย อาการหนัก  48,958 ราย โดยสหรัฐอเมริกา ยังมีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งสะสมรวม   1,292,623 ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 29,531 รายเสียชีวิต  76,928 ราย สเปน มีผู้ติดเชื้อสะสม   256,855 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 256,855 ราย เสียชีวิต  26,070 ราย อิตาลี มีผู้ติดเชื้อสะสม 215,858   ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,401 ราย เสียชีวิต  29,958 ราย  ขณะที่ประเทศไทย อยู่ลำดับที่   64 ของโลก มีผู้ติดเชื้อ   3000 ราย เสียชีวิต  55 ราย

ส่วนสถานการณ์กลุ่มประเทศอาเซียนและเอเชีย อินเดีย มีผู้ติดเชื้อสะสม 56,351 ราย เสียชีวิต 1889 ราย ปากีสถาน มีผู้ติดเชื้อสะสม 24,644 ราย เสียชีวิต 585 ราย สิงคโปร์ มีผู้ติดเชื้อสะสม 20,939 ราย เสียชีวิต 20 ส่วนเกาหลีใต้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น1 2 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 10,822 ราย เสียชีวิต 256 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่น่าสนใจ คือ นักวิจัยจากห้องปฏิบัติการแห่งชาติ ลอส อลาโมส สหรัฐฯ พบว่า ไวรัสโคโรนาที่อุบัติขึ้นที่เมืองอู่ฮั่นของจีน เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมาได้มีการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์ใหม่ที่ติดต่อได้ไวขึ้น และกำลังระบาดในสหรัฐอเมริกาเวลานี้ อาจจะทำให้การเร่งพัฒนาวัคซีคช้าไปและอาจเกิดข้อจำกัดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เนื่องจากนักวิจัยส่วนหนึ่งใช้ลำดับพันธุกรรมของไวรัสช่วงแรกๆของการระบาดมาตั้งต้นพัฒนาวัคซีน

“ตอนนี้เป็นนโยบายระดับประเทศเราในฐานะประเทศที่มีความก้าวหน้าทางการแพทย์มีนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งจำนวนมากมีการถ่ายทอดนโยบายลงมาว่า มีการรวบรวมโครงการที่เกิดขึ้นจากพัฒนาวัคซีนทั้งจากรัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย กำลังช่วยกันทำตรงนี้อยู่ถ้าร่วมมือกันได้กับประเทศทางอาเซียนเราเองก็มีโอกาสเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้โอกาสในการใช้วัคซีนต้องให้กำลังใจกับนักวิทยาศาสตร์ไทย การแพทย์ของไทย เพื่อให้ได้วัคซีน”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image