‘วิญญัติ’ ชี้ รบ.อย่าหยุมหยิม เอาเรื่องคนฉายเลเซอร์ข้อความการเมือง ไม่ได้ทำอันตรายใคร

“วิญญัติ” ชี้รัฐอย่าหยุมหยิม ฉายเลเซอร์ “ตามหาความจริง” หากไม่ยิงใส่ตากระทบสุขภาพใคร เป็นการเเสดงออก ตาม รธน.ไม่กระทบความมั่นคง จวกคนปิดบังความจริงต่างหากที่ควรถูกประณาม รัฐควรเป็นที่พึ่ง อย่าเอาเรื่องกับ ปชช.สร้างความเเตกเเยก

เมื่อวันที่ 13 พ.ค.นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนและเลขาธิการสมาพันธ์ นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) ได้ให้ความเห็นกรณีมีบุคคลใช้แสงเลเซอร์ฉายข้อความหรือภาพสื่อความหมายบนผนังกำแพงวัดปทุมวนารามนั้นเป็นการกระทำที่มีความผิดตามกฎหมายหรือไม่ว่า รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 34 ให้การคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดสิทธิเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้นเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคล เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันสุขภาพของประชาชน

ตามที่ปรากฏข่าวว่ามีการใช้แสงเลเซอร์ฉายข้อความหรือภาพสื่อความหมายบนผนังกำแพงวัดปทุมวนารามนั้น หากมองด้วยความคิดที่ปกติปราศจากอคติใดๆ ก็จะเห็นว่า เป็นเรื่องของการแสดงออกทางความคิดเห็น คล้ายกับการแสดงนิทรรศการหรือการสื่อความหมายสะท้อนเรื่องราวต่างๆ อันเป็นเสรีภาพอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่น่าจะกระทบต่อสุขภาพของประชาชนแต่ก็ควรจะต้องมีความระมัดระวังในการใช้งาน รวมถึงการป้องกันอันตรายจากแสงเลเซอร์ จัดทางเดินของแสงให้เหมาะสม ไม่ให้เข้าตาด้วย

คำว่า “ตามหาความจริง” ก็เป็นคำที่มีความหมายธรรมดาตามตัวอักษร แต่มีคุณค่าและความสมบูรณ์อยู่ในตัว ความจริงจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ใครๆ ก็ได้ที่จะแสวงหาความจริง เพราะความจริงเป็นธรรมชาติที่ถือเป็นสิ่งที่น่ายกย่องและต้องยอมรับกัน ข้อความที่ปรากฏนี้จึงไม่น่าจะกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน

ในทางตรงกันข้าม หากมีการปิดบังความจริงหรือมีกระบวนการบิดเบือนความจริง เช่นนี้จึงเรื่องที่ควรต้องถูกประณามและประชาชนก็มีสิทธิในการแสดงออกหรือต่อต้านได้ตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว เพราะถือเป็นเสรีภาพในการแสดงออกอย่างหนึ่งที่ต้องไม่ถูกจำกัดจากการกระทำใดๆ

Advertisement

ส่วนการที่มีบางหน่วยงานออกมาแสดงความรู้สึกอ่อนไหวว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมและจะต้องดำเนินคดีกับผู้ที่ยิงแสงเลเซอร์นั้น ตนมองในแง่ของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รัฐเองนั่นแหละที่กำลังแสดงออกที่ไม่เหมาะสม เพราะรัฐต้องเป็นที่พึ่งให้ประชาชนคนในสังคมและสร้างความน่าเชื่อถือไม่เลือกปฏิบัติ จะนำเอาความรู้สึกมาเป็นอารมณ์หรือเอาอำนาจมาใช้บังคับเกินความจำเป็นไม่ได้ เพียงแค่การใช้แสงเลเซอร์ยิงบนผนังเป็นข้อความและสื่อความหมายธรรมดาๆ ที่ไม่ได้กระทบต่อความมั่นคงของรัฐจนต้องออกมาแสดงอาการร้อนตัวร้อนใจเร็วไปหรือไม่ แม้แต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันก็มีเรื่องสำคัญมากมายที่มีการทำลายหลักการประชาธิปไตยหรือการทำให้เสียความยุติธรรมในสังคมเกิดขึ้น กลับน่าจะเป็นเรื่องที่รัฐต้องป้องกันและกำจัดการกระทำนั้นให้สิ้นไป แต่ก็ไม่เห็นมีอะไร จะมามีปัญหาหยุมหยิมกับแสงเลเซอร์ที่แสดงข้อความเช่นนี้ ตนจึงเป็นห่วงว่าอาจจะทำให้เป็นปัญหาบานปลายไปอีก การจะเอาเรื่องกับประชาชนทุกเรื่องยิ่งจะสร้างความแตกแยกและทำให้ประชาชนหมดความศรัทธาอำนาจรัฐได้

ความจริงแล้วรัฐมีหน้าที่ต้องเคารพความเห็น ต้องหนักแน่นเปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นและการแสดงออกของประชาชนได้ อย่าอ่อนไหวเกินไป ทั้งนี้รัฐจะต้องคุ้มครองสิทธิเและเสรีภาพอย่างพอเหมาะพอควรสมเหตุสมผลตามความจำเป็น มิใช่จะหาวิธีขัดขวางสิทธิพื้นฐานหรือใช้อำนาจจนเกินสมควรแก่เหตุ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image