สภาฯ เตรียมเกลี่ยโควตาปธ.กมธ.ใหม่ หลังก้าวไกลเจองูเห่า ทำส.ส.ลดโควต้าหาย 2 เก้าอี้
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมของตัวแทนพรรคการเมือง ร่วมกับ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และฝ่ายเลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 27 พฤษภาคม ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และต้องควบคุมตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ว่า มีตัวแทนของพรรคการเมือง ทั้งสิ้น 26 พรรค โดยมีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล เป็นต้นเข้าร่วมประชุม โดยได้มีการชี้แจงมาตรการต่างๆเพื่อขอความร่วมมือให้ ส.ส.ได้ปฏิบัติตาม โดยเฉพาะการรักษามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และจำกัดจำนวนคนในพื้นที่รัฐสภา ด้วยการขอความร่วมมือให้ส.ส. นำผู้ติดตามมายังพื้นที่รัฐสภา ไม่เกิน 2 คน แต่ไม่ใช่มาตรการบังคับ ขณะเดียวกัน การจัดห้องประชุมสภาฯนั้น จะจัดเก้าอี้แบบเว้นเก้าอี้ และให้สมาชิกใช้ไมโครโฟนประจำตัว จึงทำให้ต้องจัดพื้นที่นั่งส่วนของผู้เข้าเยี่ยมชมการประชุม บริเวณชั้นลอยของห้องประชุมให้ ส.ส.64 คนนั่ง โดยให้เป็นที่นั่งของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ คือ พรรคพลังประชารัฐ, พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ ในที่ประชุมยังได้หารือต่อการตรวจสอบจำนวนบุคคลที่เข้าออกพื้นที่ ผ่านการเช็กอินแพลตฟอร์มไทยชนะ ซึ่งฝ่ายเลขาธิการสภา เป็นผู้เสนอ แต่นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา เสนอความเห็นว่า ทางสภาควรพัฒนาแอพพลิเคชั่น เป็นของตนเอง เพราะแอพพลิเคชั่นไทยชนะนั้นทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ซึ่งไม่เหมาะต่อฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วนการทำแอพพลิเคชั่นนั้น คาดว่า จะใช้เวลาพัฒนาระบบไม่นาน แต่ข้อเสนอดังกล่าวยังไม่มีบทสรุป นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงประเด็นต่างๆ อาทิ การจัดสรรโควต้าประธานกมธ.ใหม่ หลังจากที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ย้ายไปเข้าสังกัดใหม่ หลังพรรคถูกยุบ ทำให้สภาฯต้องคำนวณใหม่เบื้องต้น ได้มีข้อสรุปโดย พรรคประชาธิปัตย์ จะได้โควต้าประธาน กมธ. เพิ่ม 1 คณะ พรรคเศรษฐกิจใหม่ ได้โควต้าประธาน กมธ. จำนวน 1 คณะ และ พรรคก้าวไกล จะต้องลดโควต้าประธานกมธ. จำนวน 2 คณะจากเดิมที่มี 6 คณะส่วนรายละเอียดต้องหารือร่วมกันในคณะกรรมการประสานงานส.ส. ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา คนที่ 1 เป็นประธานอีกครั้ง
