อดีตเลขาสมช. ซัด รบ.ต่อพ.ร.ก.ป้องโรคปอดแหก ฉะ อ้างโควิด แต่เอาไปไล่จับม็อบ
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปถึงเดือนมิถุนายน ว่า แม้ดการต่อพ.ร.บ.ก็เพื่อให้นายกฯสามารถบูรณาการการใช้อำนาจตามกฎหมายกว่า 40 ฉบับมาจัดการกับการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ในความเป็นจริงอำนาจตามกฎหมายเหล่านั้น มันก็คืออำนาจของนายกฯ รัฐมนตรี และข้าราชการระดับสูงที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว ถ้านายกฯในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดมีภาวะผู้นำพอ ครม.เป็นเอกภาพ ก็สามารถใช้อำนาจเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว ดังนั้น ข้ออ้างดังกล่าว จึงฟังไม่ขึ้น เว้นเสียแต่ สถานการณ์การแพร่ระบาดมันลุกลามไปก่อให้เกิดสถานการณ์ความไม่สงบเข้ามาผสมโรงย่อมจะใช้อำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ และถือว่าเหมาะสม
“สถานการณ์โควิดปัจจุบัน รัฐบาลก็แถลงเองว่า ดีขึ้นเป็นลำดับ กฎหมายถือเป็นเรื่องรอง แต่เรื่องหลักคือการที่พี่น้องประชาชนได้ร่วมมือกันเอง ปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันตัวได้เป็นอย่างดีเป็นสำคัญ จึงเป็นคำแถลงที่ย้อนแย้งกันเองฉะนั้น การคงอำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้ จึงเป็นการเล่นเล่ห์ตีขลุมของรัฐบาล ใช้บังหน้าว่าแก้โควิด แต่แท้จริงไว้ใช้จัดการกับสารพัดม็อบที่จะมาไล่รัฐบาล ดูตัวอย่างได้จากการเพิ่งใช้อำนาจดำเนินคดีกับคนที่ทำกิจกรรมกระชากความจริงการสลายชุมนุมพฤษภา 2553 กับการยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 เมื่อเร็วๆนี้ จนเป็นการประจานตัวเองว่า รัฐบาลนี้ใช้พ.ร.บ.โรคติดต่อไว้รับมือกับโรคระบาดโควิด ส่วนพ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นมีไว้ใช้รักษาโรคปอดแหก จึงขอให้อดใจรอสักนิด เดี๋ยวทั้งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และรัฐบาลสืบทอดอำนาจก็จะเป็นยาหมดอายุไปด้วยกันแน่นอน”