ครม. เห็นชอบร่างพ.ร.บ.วัตถุอันตราย

ครม. เห็นชอบร่างพ.ร.บ.วัตถุอันตราย เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาวัตถุอันตราย พร้อมมอบผู้เชี่ยวชาญ-องค์กรผู้เชี่ยวชาญในไทย-ตปท.วิเคราะห์เอกสารและสถานที่ประกอบ

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 26 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติหลักการร่างพ.ร.บ.วัตถุอันตราย (ฉบับที่..) พ.ศ. …. โดยเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาวัตถุอันตรายเกี่ยวกับการพิจารณาคำขอ การตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร การประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการหรือการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับวัตถุอันตราย โดยการมอบอำนาจให้แก่ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ ทำหน้าที่ประเมินเอกสารวิชาการ ตรวจวิเคราะห์ ตรวจสถานประกอบการและอื่นๆ แทนพนักงานเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานผู้รับผิดชอบ โดยสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวฯ กำหนดให้กรณีที่มีเหตุจำเป็นเพื่อให้กระบวนการพิจารณาวัตถุอันตรายเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ให้มีผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐอื่นๆ หรือองค์กรเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการหรือการตรวจสอบในกระบวนการพิจารณาวัตถุอันตรายของส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

ทั้งนี้บุคคล หน่วยงาน หรือองค์กรดังกล่าวต้องได้รับการขึ้นบัญชีจากหน่วยงานผู้รับผิดชอบ ช่วยแก้ปัญหาในกระบวนการพิจารณาวัตถุอันตรายในปัจจุบันที่มีความซับซ้อนได้ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วัน ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป โดยกระบวนการพิจารณาวัตถุอันตรายโดยผู้เชี่ยวชาญ ฯ ตามร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวฯเป็นเพียงทางเลือก หากผู้ประกอบการเลือกใช้ผู้เชี่ยวชาญ ฯ ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้เชี่ยวชาญ แต่ถ้าใช้วิธีการอนุญาตปกติซึ่งต้องใช้ระยะเวลาการพิจารณานานกว่า ก็จะไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในกระบวนการพิจารณาวัตถุอันตราย โดยเป็นการแก้ไขบทบัญญัติกฎหมายเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นแนวเดียวกับการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ ตามคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติที่ 77/2559 เรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในการพัฒนาอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และการสาธารณสุข รวมทั้งเพิ่มมูลค่าการค้าขายเคมีภัณฑ์(วัตถุอันตรายหรือสารเคมี) ที่เป็น 1 ใน 5 สินค้ายุทธศาสตร์ที่มีการนำเข้าสูงสุดของประเทศด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image