‘สงคราม’ จวกรัฐห่วงแต่เจ้าสัว ตอกย้ำไทยเหลื่อมล้ำ เพราะดูดกันตั้งแต่ต้นทาง เหลือแค่ก้านไอติมให้ประชาชน
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่รัฐสภา ที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระด่วน พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 หรือ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท
จากนั้น นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ลุกขึ้นอภิปรายว่า ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลช่วยเหลือนายทุนหรือช่วยเหลือคนจน วันนี้คนจนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หนี้ครัวเรือนก็เพิ่มขึ้น มีข่าวว่าดูดโครงการต่างๆ กันตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง กว่าจะถึงประชาชนก็เหลือแต่ก้านไม้ไอติม จึงไม่เชื่อว่าเงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาทนั้น จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ ดังนั้น หากให้ความเห็นชอบกับ พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับ ตนคงจะโดนด่า เพราะยังไม่เคยได้ยินรัฐบาลพูดว่า หลังโควิด-19 จะฟื้นเศรษฐกิจอย่างไรหลังใช้เงินไปถึง 1.9 ล้านล้านบาทไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนยังหวังว่าวันหนึ่งเจ้าสัวเกือบครึ่งในประเทศจะมาเป็นกองกำลังในการปกป้องประเทศ แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่น่าสะท้อนใจที่สุด เพราะรัฐบาลพูดถึงแต่เจ้าสัว โดยไม่ให้ความสำคัญกับประชาชนตัวเล็กเลย ทั้งๆ ที่สามารถใช้โอกาสนี้ในการลดความเหลื่อมล้ำที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลกได้
“วันนี้เกิดโรคระบาดทั่วโลก นายกฯไปห่วงใยเจ้าสัวทำไมว่าเขาจะเจ๊ง เขาจะสามารถหาเงินคืนพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่จะครบอายุได้หรือไม่ เพราะเขามีช่องทางอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ควรห่วงคนตัวเล็กๆ คนยากจนจะดีกว่า เพราะวันนี้คนรวยเขาก็แค่อยู่เฉยๆ สู้รัฐบาลเอาเงิน 4 แสนล้านบาท ไปช่วยกู้สภาพคล่องให้กับชาวไร่ชาวนายังจะดีกว่า สิ่งต่างๆ ที่รัฐบาลทำไปนั้นอย่าไปห่วงพวกคนรวย พวกเศรษฐี ขอให้คำนึงถึงประชาชนคนยากจน ธุรกิจเอสเอ็มอีที่เขาลำบากกว่า หลังจากนี้อีกกี่ปีถึงจะฟื้นได้ ขอให้คิดถึงหลังโควิด-19 ว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ประเทศฟื้นได้อย่างไร เพราะวันนี้คนเสียชีวิตเพราะโควิดยังน้อยกว่าคนที่ฆ่าตัวตายเพราะเศรษฐกิจเสียอีก” นายสงครามกล่าว
