พปชร.มั่นใจรัฐบาลใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านโปร่งใส-พัฒนางานยุคดิจิทัล

วันที่ 1 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายและลงมติเห็นชอบพ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านเพื่อเยียวยาโควิด น.ส.พัชรินทร์ ชำศิริพงษ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายขอสนับสนุน พรก.ว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์พุทธศักราช 2563 เพื่อลดอุปสรรคการทำงานในยุคดิจิทัล และสอดรับกับการทำงานในยุคที่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคมมากขึ้น ทั้งนี้ยังเป็นที่ทราบกันดีว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่กระจายอย่างรุนแรงเป็นวงกว้างไปทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อมีผู้เสียชีวิต มาตรการสำคัญหนึ่งในการที่จะป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคนี้คือการเว้นระยะห่างทางสังคม และแน่นอนว่าการใช้มาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคมยังส่งผลกระทบต่อวิถีของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นทั้งภาครัฐภาคเอกชนและภาคส่วนอื่นๆ รวมถึงผลกระทบหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือการที่ภาคส่วนต่างๆ ไม่สามารถที่จะดำเนินงานได้ตามปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุม การปรึกษาหารือต่างๆที่ต้องมีการรวมตัวกันยังไม่สามารถทำได้

ขณะเดียวกันดำเนินการด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์แทนการพบปะกันนั้น แม้มีกฎหมายรองรับเมื่อปี 2557 ว่าด้วยการประชุมด้วยวิธีการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 74/2557 แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ยังไม่สอดรับกับมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม เช่นการกำหนดให้ผู้เข้าร่วมประชุมอย่างน้อย 1 ใน 3 ขององค์ประชุมต้องอยู่ในสถานที่เดียวกัน/ผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดตั้งอยู่ในราชอาณาจักรหรืออยู่ในประเทศไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหตุจำเป็นให้การดำเนินงานดังกล่าวของทั้งทางภาครัฐและภาคเอกชนอาจได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง และอาจนำไปสู่ผลกระทบถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศได้

แต่สำหรับ พรก.ว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์พุทธศักราช 2563 มีจุดเด่นหลักๆในหลายประการ ซึ่งโดยผู้ร่วมประชุมไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่เดียวกันหรือในประเทศ รวมไปถึงการปลดล็อคข้อกำหนดในการห้ามใช้การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในการประชุมลับ และยังเพิ่มหลักการให้ผู้ร่วมประชุมสามารถที่จะลงคะแนนได้ ทั้งการลงคะแนนแบบเปิดเผย รวมไปถึงการลงคะแนนลับ การกำหนดให้ถือว่าการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตามพระราชกำหนดฉบับนี้ เป็นการประชุมชอบด้วยกฎหมาย สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในกระบวนการพิจารณาตามกฎหมายได้ โดยห้ามมิให้มีการปฏิเสธ
นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะเนื่องจาก พรบ.ว่าด้วยว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์พุทธศักราช 2563 เป็นเรื่องที่ใหม่ จึงอยากฝากให้มีความชัดเจนถึงแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงความปลอดภัยของข้อมูลที่ต้องไม่ให้ผู้ไม่หวังดีนำไปใช้ได้พร้อมกัน หรือยังอยากเสนอให้รัฐบาลมีระบบคัดกรองผู้ให้บริการระบบการประชุม เพื่อให้ประชาชนสามารถที่จะพิจารณาเลือกใช้ผู้ให้บริการระบบการประชุมที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ และสุดท้ายยังอยากฝากในส่วนของการประชุมสภาฯ ซึ่งพระราชกำหนดนี้ยังไม่ครอบคลุมถึงข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยให้ประธานช่วยพิจารณาว่าสมควรที่จะแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาหรือไม่ อย่างไร เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในอนาคตหากมีความจำเป็น

นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.จังหวัดสงขลา พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายถึง พรก.กู้เงิน 3 ฉบับ มั่นใจว่าหลังมีการอภิปรายแล้วจะได้นำงบประมาณไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน และจากการลงพื้นที่ในขตเลือกตั้งเป็นเวลา 3 เดือน พบกับกลุ่มคนตกงาน ผู้ป่วยติดเตียง คนยากไร้ ซึ่งแม้ว่าจะมีเสียงชื่นชมฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน แต่ยังพบว่ามีคนกลุ่มคนที่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา 5 พันบาท โดยอยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ เนื่องจากบางคนยังเข้าไม่ถึงโทรศํพท์มือถือ และบางคนเป็นนผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่ทราบรายละเอียดของการเยียวยา

Advertisement

นายศาสตรา ยังเรียกร้องให้รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือ และสนับสนุน ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรงและบริษัททัวร์ เพราะมีความเดือดร้อนจากมาตการของภาครัฐ และจะกลับเข้ามาเปิดกิจการอีกครั้งหลังสถานการณ์ผ่อนคลาย แต่ยังติดปัญหาในเรื่องการปรับปรุงสถานประกอบการใหเข้ากับการใช้ชีวิตแบบ new normal เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการเข้าไปใช้บริการ ซึ่งหากรัฐบาลเข้าไปสนับสนุนเงินทุนให้ จะสามารถเป็นต้นทุนให้ผู้ประกอบการได้

นอกจากนี้ยังอยากให้รัฐบาลทบทวนการให้รางวัลกับบุคลาการทางการแพทย์ อสม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประธานชุมชน ที่เป็นอัศวินหน้าด่าน เป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จในวิกฤตครั้งนี้

ขณะเดียวกัน อยากให้รัฐบาลมีแผนในการใช้งบประมาณเงินกู้ และกระจายให้ตรงจุด คำนึกถึงความต้องการประชาชนอยางแท้จริง เป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชน และเมื่อประเทศไทยชนะในด้านสาธรณสุขแล้ว ยังอยากให้ประกาศชัยชนะในด้านเศรษฐกิจด้วย

Advertisement

นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ อภิปรายชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่ประเทศได้รับ จากสถานการณ์โควิด-19 ว่า ตัวเลขของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุ จีดีพี ของประเทศไทย จะมีการขยายตัวติดลบร้อยละ 5-6 ในปี 2563 ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ต่ำที่สุด ตั้งแต่เกิดวิกฤติปี 40

และการควบคุมการแพร่ระบาดตาม พรก. ฉุกเฉิน ยังทำให้บางกิจการปิดตัวลง เศรษฐกิจเกิดผลกระทบ ประชาชน ผู้ประกอบการขาดรายได้ ในขณะที่ต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆอยู่ นอกจากนี้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี คือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบสูงสุด ดังนั้นขอสนับสนุนการกู้เงินอย่างเต็มที่ของรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องหางบประมาณมาเยียวยา ช่วยเหลือ พยุงเศรษฐกิจ ไม่ให้ล่มสลาย

นางพิชชารัตน์ ยังอภิปรายชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ที่ช่วยรักษาผู้ป่วยได้อย่างดีเยี่ยม จนได้รับการชื่นชมจากนานาประเทศ ในการรักษาผู้ป่วยให้กลับบ้านได้เป็นจำนวนมาก. ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจ นอกจากนี้ความสำเร็จในการควบคุมสถานการณ์ยังเกิดจากการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉิน และการบริหารงานโดยนายกรัฐมนตรี ทำให้การบริหารงานแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างบูรณาการเป็นเอกภาพ คล่องตัวและเกิดผลโดยเร็ว

ขณะที่การเยียวให้กับประชาชนทุกกลุ่ม นายกรัฐมนตรี ได้ทำงานไม่หยุดพัก มีการเดินสายพบกับประชาชนทุกกลุ่มเพื่อรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง และสิ่งนี้คือตัวอย่างที่ดีของผู้นำประเทศ ส่วน พรก.กู้เงิน 3 ฉบับ ได้มีการเขียนแผนชัดเจน กำหนดการดำเนินตามแผนงาน มีการประเมินผล และให้เป็นไปตาม พรบ.วินัยการเงินการคลังของประเทศโดยกระทรวงการคลังได้ระบุชัดเจนด้วยว่า ไม่จำเป็นต้องกู้ทั้งหมด และหากคนไทยร่วมมือกันควบคุมโรคไม่ให้แพร่กระจาย มาตรต่างๆผ่อนคลาย เศรษฐกิจเริ่มหมุนเวียน และงบประมาณปี 64 เพียงพอก็ไม่จำเป็นต้องกู้ให้ครบทั้ง 1ล้านล้านบาท

นางพิชชารัตน์ ยังเห็นว่าแม้ความรุนแรงของเชื้อโควิด-19 จะทำให้เกิดผลกระทบ แต่ยังมีความดี ประชาชนมีการแบงปันกัน และการปิดประเทศทำให้เรารู้ว่าประเทศมีศักยภาพในการผลิตอาหารช่วยคนในประเทศ และเชื่อว่าหลังสถานการณ์โควิด-19 เราจะได้เปรียบประเทศอื่น และมั้นใจว่าการบริหารประเทศภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี จะสามารถนำพาประเทศไปสู่จุดหมาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image