เลขาก้าวไกล ชี้คนแห่ #saveโรม เพราะรู้ดี สังคมไทย ใครกล้าแตะผู้มีอำนาจ ถือว่าเสี่ยง

เลขาฯก้าวไกล ชี้คนแห่ #saveโรม เพราะรู้ดี สังคมไทย ใครกล้าแตะผู้มีอำนาจ คนนั้นเสี่ยง 

วันนี้ (19 มิ.ย.) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อเขียนเรื่อง #saveวันเฉลิม #saveโรม: เมื่อรัฐเป็นภัยต่อความมั่นคงของประชาชน” ผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า

“เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2563 ผมเป็นตัวแทนของพรรคก้าวไกลไปร่วมเวทีเสวนาเรื่อง “ตามหาวันเฉลิม: ตามหาหลักประกันความปลอดภัยของประชาชนจากการถูกบังคับสูญหาย (และทรมาน)” ในโอกาสนั้น ผมได้ตั้งข้อสังเกตว่า หลังจาก Rangsiman Rome – รังสิมันต์ โรม ลุกขึ้นตั้งกระทู้ถามรัฐบาลต่อกรณีการอุ้มหายคุณวันเฉลิม ก็มีคนพูดกันว่า สงสัยคงต้องออกมาช่วยกัน #saveโรม ด้วย กรณีนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ประชาชนในประเทศนี้รู้ดีว่า หากเราไปแตะต้องผู้มีอำนาจ หากเราไปแตะต้องการกระทำผิดของรัฐ เราจะไม่มีความปลอดภัยในชีวิตอีกต่อไป

สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่า ประชาชนรับรู้โดยไม่ต้องพูดกันว่า เรามีระบบกฎหมายและวัฒนธรรมที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่รัฐละเมิดสิทธิประชาชนได้โดยไม่ต้องรับผิด

ยิ่งไปกว่านั้น นับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา รัฐไทยยังได้เผยแพร่ความคิดว่ามีประชาชนบางกลุ่มเป็น “ภัยต่อความมั่นคง” เป็นภัยต่อสถาบันหลักของชาติออกมาอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างความเชื่อมโยงใส่ร้ายเรื่องผังล้มเจ้าที่นำไปสู่การล้อมปราบผู้ชุมนุมเสื้อแดงในปี 2553 และหลังรัฐประหาร 2557 มีการออกคำสั่งเรียกให้ประชาชนจำนวนมากไปรายงานตัวต่อคณะรัฐประหาร มีการดำเนินคดีในฐานความผิดเรื่องความมั่นคง เกิดคลื่นผู้ลี้ภัยทางการเมืองระลอกใหญ่อีกครั้งนับตั้งแต่หลังรัฐประหาร 6 ตุลาคม 2519 ตลอดจนมีการทำร้ายร่างกายนักกิจกรรมและประชาชนที่ออกมาต่อต้านคณะรัฐประหาร ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่สามารถนำตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษได้

Advertisement

นี่คือปรากฏการณ์และบริบทแวดล้อมที่แสดงให้เห็นว่ารัฐไทยกำลังมอง “ประชาชน” เป็น “ศัตรู” ราวกับยังอยู่ในยุคสงครามเย็น และในกรณีการอุ้มหายคุณวันเฉลิมยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของประชาชนที่ว่า เจ้าหน้าที่รัฐและผู้มีอำนาจในรัฐไทยเป็น “ภัยต่อความมั่นคงของประชาชน” ประชาชนไม่สามารถไว้วางใจได้ว่าจะมีอะไรเป็นหลักประกันถึงสิทธิเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของพวกเราบ้าง

กรณีคุณวันเฉลิมจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกคน ที่ผ่านมาผู้มีอำนาจในรัฐเชื่อว่าประชาชนจะไม่กล้าพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ และเรื่องจะเงียบไปเองในที่สุด เราต้องกล้าที่จะไม่เงียบ และช่วยกันสร้างระบบกฎหมายที่เป็นหลักประกันว่ารัฐและเจ้าหน้าที่รัฐจะไม่สามารถกระทำการใดๆ อันเป็นการละเมิดชีวิตและร่างกายของประชาชนได้โดยไม่ต้องรับผิดอีกต่อไป” 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image