‘โรม’ อัดยับโครงการแก้ปัญหาชายแดนใต้ตบตาสภา ใช้พื้นที่เป็นห้องทดลองมนุษย์

“โรม” ร่ายยาว อัดยับโครงการแก้ปัญหาชายแดนใต้ตบตาสภา ใช้ชายแดนใต้เป็นห้องทดลองมนุษย์ เรียกร้องให้เพื่อน ส.ส.ทุกคน ปิดห้องทดลองอันชั่วร้ายนี้ อย่าปล่อยให้เพื่อมนุษย์ เพื่อนร่วมชาติ ต้องกลายเป็นหนูลองยา

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่รัฐสภา การอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบปี 2564 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า วันนี้ขออภิปรายงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนภาคใต้ การแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ของรัฐไทย เรามียุทธศาสตร์ชาติในเรื่องของความมั่นคงที่มีการกำหนดตัวชี้วัดว่าจะต้องลดงบประมาณด้านความมั่นคงปีละ 10% ลดจำนวนเหตุรุนแรงปีละ 20% ซึ่งในงบแผนบูรณาการแก้ไขปัญหาของปี 64 ตั้งงบไว้ 9,732 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมา 910 ล้านบาท และมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ในแต่ละปี ซึ่งตัวเลขที่ลดลงเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อพิจารณาถึงรายละเอียด เมื่อปีที่แล้ว อดีตพรรคอนาคตใหม่ เคยย้ำและวันนี้ตนจะย้ำว่าหัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ คือการเจรจาสันติภาพกับฝ่ายผู้เห็นต่าง ดังนั้น งบประมาณ 64 การเจรจาสันติภาพต้องเป็นวาระที่สำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ แต่กลับเป็นเรื่องตลกร้าย แม้ทิศทางของการแก้ไขสถานการณ์จะมุ่งไปสู่การเจรจาสันติภาพ และมีแผนยุทธศาสตร์ที่จะนำชายแดนภาคใต้ กลับสู่สภาวะปกติ แต่รายละเอียดงบประมาณกลับเปลี่ยนไปจากเดิมน้อยมาก โดยขอแบ่งออกเป็น 4 ส่วน 1 โครงการด้านการเยียวยาและฟื้นฟูสันติภาพ 2.พัฒนา 3.ความมั่นคง และ 4.ปรับทัศนคติ และโฆษณาชวนเชื่อ เราจะเห็นว่างบบูรณาการลดลง แต่เมื่อดูสัดส่วนของงบประมาณแล้ว กลับพบว่างบโฆษณาชวนเชื่อเป็นงบที่มีสัดส่วนมากที่สุด ตามด้วยงบความมั่นคง แต่งบฟื้นฟูสันติภาพกลับมีสัดส่วนน้อย สัดส่วนทุกประเภทจึงแทบไม่ต่างจากปีที่แล้ว แทนที่รัฐบาลจะพิจารณาว่าแต่ละโครงการนั้นสมควรมีอยู่หรือไม่ หากโครงการใดมีวัตถุประสงค์ที่ไม่ถูกต้อง มีวาระแอบแฝง สร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหาก็ไม่ควรให้งบเลยแม้แต่บาทเดียว

นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า สิ่งที่รัฐบาลทำให้เราเห็นคือแค่ลดงบให้พออ้างได้ว่าทำตามยุทธศาสตร์ชาติแล้ว ให้พอเอาหน้ารอดต่อสภาได้เท่านั้น โครงการเจ้าปัญหาต่างๆ ยังถูกเก็บไว้ทั้งหมด ทั้งโฆษณาด้านการชวนเชื่อ “โครงการเผยแพร่ความจริงที่ถูกต้อง”พูดง่ายๆคือเป็นงบล้างสมอง ส่งทหารเข้าโรงเรียน ปลูกฝังค่านิยมแบบทหาร พยายามครอบงำประชาชน ให้คิดในแบบที่กองทัพต้องการ ปรากฏว่าเมื่อปีที่แล้วโดนด่าเละเทะ โครงการนี้จึงหายไป แต่หายไปแค่ชื่อ เพราะกลับพบว่ามีโครงการที่ชื่อ” เสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อสันติสุข”เข้ามาแทนที่ รายละเอียดแทบจะถอดแบบมาเลย สรุปว่าแค่เปลี่ยนชื่อเนื้อแท้ยังเหมือนเดิม นี่คือความพยายามที่จะตบตาสภาใช่หรือไม่ เพราะเมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลเห็นว่าสภาไม่พอใจกับโครงการนี้เลยเปลี่ยนชื่อ พฤติกรรมแบบนี้คือการเห็นว่าสภาเป็นเพียงแค่ตรายางเหมือนสมัย สนช.ใช่หรือไม่ คิดแค่ว่าเอกสารสวยๆ ก็เอามาให้สภาเห็นชอบได้แล้ว

โครงการเพิ่มประสิทธิภาพงานข่าวกรองและฐานข้อมูลความมั่นคง ปีนี้ตั้งงบ 926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท เป็นงบข่าวกรองเชิงรุก 369 ล้านบาท นอกจากนี้ กอ.รมน.ยังมีงบสนับสนุนและใช้งานมวลชนด้านความมั่นคงในชายแดนใต้ซึ่งอยู่นอกแผนบูรณาการ อีก 665 ล้านบาท อีกหนึ่งโครงการของ กอ.รมน. คือการติดตั้งกล้องวรจรปิด เป็นโครงการผูกพันตั้งแต่ปี 60 ถึงปี 65 วงเงิน 611 ล้านบาท โดยกรรมาธิการกฎหมายเคยลงพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เพื่อตรวจสอบการใช้มาตรการของรัฐและพบทิศทางงานข่าวกรองหันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ดังนั้นจะพบเห็นกานติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อจับภาพบุคคล รับบจดจำเอกลักษณ์ร่างกายนำมาใช้มากขึ้น โดยเลือกปฏิบัติและปราศจากความยินยอม รวมทั้งการเก็บ DNA ของประชาชนชายแดนใต้จำนวนมาก ทั้งหารพุ่งเป้าไปที่มุสลิม และการเก็บแบบเหมารวม นี่คือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล คือการปฏิบัติต่อพลเมืองราวกลับเป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะก่ออาชญากรรม ส่วนการลงทะเบียนซิมโทรศัพท์มือถือ 2 แชะอัตลักษณ์ นี่คือนวัตกรรมที่เริ่มต้นจากการเก็บข้อมูลในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้ติดตามตัว โดยบังคับให้ผู้ใช้มือถือไม่ว่าใช่ซิมใหม่ หรือซิมเดิมให้มาลงทะเบียนผ่านระบบนี้ โดยจะถูกเก็บข้อมูลรูปถ่ายและบัตรประชาชน ไม่กี่ปีมานี้ระบบนี้ค่อยๆคืบคลานจากชายแดยภาคใต้มาสู่ประชาชนทั่วไป ทุกวันนี้ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่ใด หากซื้อซิมใหม่จะถูกเก็บข้อมูล

นายรังสิมันต์ อภิปรายว่า การกำหนดงบประมาณเช่นนี้ รวมทั้งการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือกฎอัยการศึก ในชายแดนภาคใต้ เป็นแนวนโยบายที่เกิดจากความไม่ไว้วางใจประชาชน ไม่เชื่อกระบวนการพูดคุย คิดแต่ใช้กฎหมาย อาวุธ โฆษณาชวนเชื่อเข้าครอบงำ ถ้าต้องการสันติสุขคืนกลับชายแดนใต้ รัฐบาลต้องไม่ทำงบประมาณแบบนี้ สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ คือการใช้พื้นที่ภาคใต้เป็นห้องทดลองมนุษย์ที่มีชื่อว่าจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อทดสอบนวัตกรรมต่างๆในการควบคุม เก็บข้อมูลและล้างสมองประชาชน โดยมีคนในพื้นที่กว่า 2 ล้านคน เป็นหนูทดลอง วันนี้รัฐบาลอาจไม่พร้อม จึงทอดลองเฉพาะชายแดนใต้ไปก่อน วันหน้าสบโอกาสเมื่อใด ก็ค่อยเอามาใช้ทั้งประเทศ หากสภายังสบับสนุนงบประมาณแบบที่เป็นอยู่นี้ ไม่แตกต่างจากการราดน้ำมันเข้าไปในกองไฟ เผาเงินภาษีของคนไทย ผลาญชีวิตและอนาคตของคนชายแดนใต้ให้กลายเป็นเถ้าธุรี หากรัฐจัดสรรงบบนความไม่ไว้วางใจประชาชน จะยังเหลืออะไรให้ประชาชนไว้วางใจรัฐได้ เมื่อประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐแล้ว กระบวนการไปสู่สันติภาพ ยั่งยืน ถาวร ก็คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้ หากรัฐบาลมีความจริงใจต่อประชาชน ล้มเลิกโฆษณาชวนเชื่อ ปรับลดงบความมั่นคงให้ลงมากกว่านี้ หยุดงานข่าวกรองที่ลุกล้ำข้อมูลส่วนบุคคลแบบล้นเกิน หยุดสร้างสายข่าวที่เปรียบเสมือนทูตแห่งความแตกแยก เอางบมาเพิ่มพูนให้กับกระบวนการสร้างสันติภาพ การเยียวยาประชาชนที่ถูกกระทำโดยรัฐ พิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงใจในการจัดสรรงบประมาณ

Advertisement

“ผมไม่อาจยอมรับการเอาภาษีของประชาชน มาเปิดห้องทดลองเช่นนี้ให้ดำเนินการต่อไปได้ ขอเรียกร้องให้เพื่อน ส.ส. ทุกคน ปิดห้องทดลองอันชั่วร้ายนี้ อย่าปล่อยให้เพื่อมนุษย์ เพื่อนร่วมชาติ ต้องกลายเป็นหนูลองยา อย่าปล่อยให้ลูกหลานของเราต้องเป็นเหยื่อรายต่อไป”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image