พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ยอมรับกลับความเร็วรถ อ้างเชื่อสูตรคำนวน”อ.สายประสิทธิ์”เหตุเป็นคนมีชื่อเสียง

“ธนสิทธิ์” ยอมรับกลับความเร็วรถ เหตุเชื่อสูตรคำนวน”สายประสิทธิ์” ยันไม่เคยรับคำสั่งใครวิ่งเต้นคดี ด้าน” เพิ่มพูน”ยึดคำสอน “พ่อชัย ชิดชอบ”ให้เป็นคนดี เหตุไม่เห็นแย้งอัยการ เพราะดูตามสำนวนตามลำดับชั้นที่ส่งขึ้นมา

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 13 สิงหาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน ร่วมกับ กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน และกองทุน ที่มีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ได้ร่วมกันเป็นประธานการประชุม โดยที่ประชุมได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในการสั่งไม่ฟ้องคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส มาชี้แจงต่อกมธ.เป็นครั้งที่ 3 หลังจาก 2ครั้งแรก ผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้โดยตรงไม่ได้มาชี้แจงด้วยตัวเอง ทำให้มีการเรียกเป็นครั้งที่ 3 หากไม่มา ทางกมธ.จะใช้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียก เป็นครั้ง ที่4

ต่อมาพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สบ. 4 กลุ่มงานตรวจเคมีฟิสิกส์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ชี้แจงและยอมรับว่า การคำนวณความเร็วรถครั้งแรกได้ 177 กม./ชม. แต่ที่ในสำนวนเป็น 79.2 กม../ชม. เพราะเชื่อการคำนวณของนายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม หัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เพราะเห็นว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียง ประกอบกับมีเวลาในการพิจารณาสำนวนน้อย จึงเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ แต่หลังจากนั้น ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตรวจสอบ และพบว่าคลาดเคลื่อน ร้อยละ 46 จากนั้นได้รายงานผู้บังคับบัญชาใหม่ว่าความเร็วอยู่ที่ 177 กม./ชม. ตั้งแต่ปี 2559 จึงไม่ได้กลับคำให้การ แต่มาพบว่า ไม่ปรากฎในสำนวน ประกอบกับเข้าใจผิดว่าข้อหานี้ขาดอายุความไปแล้วจึงไม่ได้ตามเรื่อง และไม่เคยชี้แจงต่อกมธ.กฎหมายฯงสนช.

“ขอยืนยันว่า ผมไม่เคยได้รับคำสั่งจากใครให้วิ่งเต้นคดีนี้ ผมยินดีพร้อมให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพราะทำคดีให้ประชาชนต้องทำด้วยความยุติธรรมด้วยความทุ่มเทตลอดมา”

ด้านนายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า ที่มาของความเร็ว 177 กม./ชม. มาจากการที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กับ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ มีข้อตกลงร่วมกันในการตรวจพิสูจน์คดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชน โดยเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2555 ตนได้ร่วมตรวจสอบสถานที่เพื่อวัดความเร็วของรถเฟอร์รารี่ เพื่อต้องการวัดความเร็วให้แม่นยำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเลือกกำหนดจุดจากกล้องวงจรปิดตัวเดียวกันกับที่บันทึกภาพได้ โดยให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 2 คน ไปอยู่คนละจุด คนหนึ่งอยู่ในตำแหน่งที่รถยนต์เฟอร์รารี่เต็มคันเข้ามาในเฟรมของภาพ คนที่ 2 ยืนอยู่จุดที่รถยนต์เฟอร์รารี่ออกจากเฟรมของกล้องจนถึงขอบซ้ายสุด จากนั้นก็ทำการวัดระยะทางที่รถเคลื่อนที่จริงบนถนนที่เกิดเหตุจริง ในวันนั้นเราได้ระยะทาง 3 กม. ซึ่งเมื่อพิจารณาจากกล้องวงจรปิดพบว่ารถคันดังกล่าววิ่งเร็วกว่าคันอื่นที่อยู่บนถนนในวันเดียวกัน โดยวิ่งเร็วกว่า 2 เท่า ซึ่งเป็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาที่ผ่านหน้ากล้องวงจรปิดจะมีเวลาผ่านหน้ากล้องไม่ถึง 1 วินาที ดังนั้น ในวันที่ 6 ก.ย. 2555 เราได้ความเร็วรถโดยประมาณแล้วว่ารถยนต์คันนี้เคลื่อนที่ด้วยระยะทาง 30 เมตร ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที ซึ่งเมื่อคำนวณเป็นอัตราความเร็ว กม./ชม.แล้วพบว่ามีความเร็ว 108 กม./ชม. ซึ่งเราแน่ใจแล้วว่ารถยนต์เฟอร์รารี่คันนี้วิ่งเร็วกว่า 100 กม./ชม.แน่นอน

Advertisement

นายสธน กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นในวันที่ 7 กันยายน 2555 ตนได้รับคลิปบันทึกภาพกล้องวงจรปิดจากพนักงานสอบสวน จึงได้นำมาวิเคราะห์เพิ่มเติมโดยใช้โปรแกรม ฮีโร่ เวกเตอร์ โดยนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาแสดงทีละภาพ เพื่อพิจารณาว่าภาพรถเฟอร์รารี่ที่อยู่ด้านขวามือสุดเต็มคันจนถึงด้านซ้ายมือสุดเต็มคันทีระยะห่างเท่าใด ซึ่งวัดได้เป็นช่วงเวลาคือ 0.63 วินาที หรือน้อยกว่า 1 วินาที ซึ่งสมการที่คำนวณความเร็วคือสมการคงที่เป็นสมการเดียวโดยมีอัตราเฉลี่ยคือ ระยะทางในการเคลื่อนที่ หารด้วย เวลา เราจึงนำ 31 เมตร หารด้วยเวลา คือ 0.63 วินาที ได้ผลลัพท์มาคือ 49 เมตรต่อวินาที เมื่อเปลี่ยนเป็นความเร็วจะได้เท่ากับ 177 กม./ชม. ซึ่งเมื่อคำนวณได้ก็ทำบันทึกส่งไปที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน โดยสาเหตุที่ไม่สามารถส่งความเห็นตรงถึงพนักงานสอบสวนได้เพราะตนอยู่ในฐานะที่ปรึกษาของกองพิสูจน์หลักฐานกลาง จึงต้องส่งเรื่องตามขั้นตอน ซึ่งได้ระบุในบันทึกว่ารถเฟอร์รารี่คันนี้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วระหว่าง 160-184 กม./ชม.ขอยืนยันความมั่นใจในตัวเลขความเร็วที่ได้ทำการพิสูจน์และไม่ทราบถึงสาเหตุที่ตำรวจได้ทำการพิสูจน์ความเร็ว
ของรถใหม่โดยไม่ได้มีการนำผลการพิสูจน์ของคณะวิทยาศาสตร์ฯ จุฬาฯ เข้าบรรจุในสำนวนการสอบสวน

ขณะที่ ทพ.ณรงค์ โพธิเกตุ ทันตแพทย์ ผู้ทำการรักษาฟันให้นายวรยุทธ ชี้แจงว่า นายวรยุทธ เข้ามาเป็นคนไข้ของตนเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2554 โดยมาปรึกษาเรื่องการทำฟันเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไป โดยครั้งสุดท้ายที่มาพบ คือวันที่ 29 สิงหาคม 2555 ซึ่งบริเวณที่นายวรยุทธได้ทำการครอบฟันไว้มีการขยับ ทำให้มีอาการอักเสบและบวมแดง จึงได้ทำการรักษาและจ่ายยา คือยาอะม็อกซีซิลลินในปริมาณ 500 มิลลิกรัม เพื่อให้รับประทานทุกๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 วัน

ส่วนพล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.)ชี้แจงว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ตั้งใจจะคลี่คลายคดีนี้ไม่ให้ประชาชนมีความเคลือบแคลงสงสัย ที่ผ่านมานายชัย ชิดชอบ อดีตประธานรัฐสภา คุณพ่อสอนมาตลอดว่า ให้เป็นคนดี ยึดมั่นการทำหน้าที่อย่างสุจริตไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง ตำรวจทุกคนต้องยึดถือ ปฏิบัติเพื่ออำนวยความยุติธรรม ยึดมั่นในคำปฏิญาณมาโดยตลอดว่า จะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และรัฐธรรมนูญ บังคับใช้กฎหมายเพื่ออำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น ศรัทธา เพราะในทุกวันนี้ ความเชื่อมั่น ศรัทธาต่อองค์กรตำรวจค่อนข้างต่ำ สิ่งเหล่านี้หากตำรวจยึดถือปฏิบัติจะไม่มีเหตุการณ์ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น

Advertisement

“เหตุที่ไม่เห็นแย้งต่ออัยการ เพราะได้ดูตามสำนวนตามลำดับชั้นที่ส่งขึ้นมา และมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ไม่เห็นแย้งกับอัยการ เป็นการใช้ดุลพินิจโดยสุจริต เที่ยงธรรม ไม่ได้เลือกปฏิบัติ ไม่มีใครมาสั่งผม คนที่สั่งได้มีคนเดียวคือ นายชัย ชิดชอบ ซึ่งวันนี้ไม่อยู่แล้ว”พล.ต.ท.เพิ่มพูน กล่าว

พล.ต.ท.เพิ่มพูน กล่าวต่อว่า เมื่อมีความเห็นแล้วจึงได้ส่งสำนวนคืนเจ้าหน้าที่ และส่งไปยังอัยการต่อไป ส่วนที่ถามว่า หากย้อนไปใหม่ได้ในวันนี้จะยังเห็นแย้งกับอัยการหรือไม่ ก็ขอยืนยันเหมือนเดิม เพราะดูตามหลักฐานในสำนวนที่ปรากฏ หลักฐานในวันนี้ต่างเป็น หลักฐานนอกสำนวน เราจะเอาความรู้สึกนึกคิด ชอบไม่ชอบใครมาใส่ไว้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับฟังคำชี้แจงนักวิชาการในวันนี้แล้ว ถือว่าเป็นประโยชน์มาก โดยเฉพาะการคำนวณความเร็วรถยนต์ ควรจะมีหลักคำนวณ ควรจะพิสูจน์อย่างไร ซึ่งจะนำเสนอความเห็นเสนอต่อผู้บังคับบัญชาต่อไป

“เมื่อได้ฟังตำรวจชี้แจง ผมก็ตกใจเหมือนกัน ทำไมกลับคำง่าย ทั้งที่ควรยืน ยึดมั่นตามหลัก ก็ขอตำหนิ ผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย ทั้งนี้จะปรับปรุงการทำงานของเรา ให้สมกับวิสัยทัศน์ของทางสตช. สุดท้ายขอฝากเอาไว้ว่า กัมมุนา วัตตติ โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ใครทำสิ่งใดย่อมเป็นไปตามนั้น”พล.ต.ท.เพิ่มพูนกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ชี้แจงแล้วเสร็จ ได้ถูกนักข่าวรุมซักถามต่อในปมประเด็นความสงสัยเรื่องการให้การเรื่องความเร็วที่กลับไปมา แต่พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ เลี่ยงที่จะให้ในรายละเอียดเพิ่มเติม โดยระบุว่าได้ชี้แจงทั้งหมดต่อกมธ.เรียบร้อยแล้ว และผู้บังคับบัญชาก็ไม่ให้สัมภาษณ์ ทั้งนี้ สำหรับการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมใช้เวลา 4 ชั่วโมงกว่า

อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายการประชุมนายสิระ ยังขอหารือกับที่ประชุม กรณีที่มีการร้องเรียนว่าในสภาฯมีส.ส.บางคน ไปเรียกตบทรัพย์ อธิบดีกรมน้ำบาดาล ซึ่งอยู่ในอำนาจของทางกรรมาธิการฯจะรับไว้พิจารณาได้ ดังนั้นในการประชุมกมธ.วันพุธที่20 สิงหาคม นี้ จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง แต่ขอยังไม่ระบุว่าจะเชิญใครมาบ้าง ขอหารือร่วมกับกมธ.ก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image