กมธ.แก้รธน.ยื่นรายงานต่อ “ชวน”แล้ว เตรียมเข้าวาระการประชุม 10 ก.ย.นี้
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. เวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ เป็นประธานกมธ. พร้อมด้วยกมธ.ฯ เข้ายื่นรายงานของ กมธ.ฯ ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังจากพิจารณาและจัดทำเนื้อหาแล้วเสร็จ
โดยนายพีระพันธุ์ กล่าวว่า รายงานของกมธ.ฯ นำเสนอเนื้อหาเชิงวิชาการ โดยไม่ได้สรุปแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับของกมธ.ฯ แต่ได้นำเสนอความเห็นในแง่มุมต่างๆ เช่น ข้อเสนอ ต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ในรายงานให้ความเห็นทั้ง 2 ด้าน ทั้งควรแก้ไข และไม่ควรแก้ไข ขณะที่การแก้ไขยังมีหลายแนวทาง อย่างไรก็ตามรายงานของกมธ.ฯ ไม่มีหลักการันตีว่าจะถูกนำไปพิจารณาเป็นเนื้อหาของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ยืนยันว่าเนื้อหาของกมธ.ฯ มีความเป็นกลาง ทั้งนี้ความเห็นส่วนตัวมองว่าหากสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่เตรียมตั้งขึ้นจะนำไปศึกษาเพื่อเป็นฐานแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถดำเนินการได้เพราะในรายงานมีความเห็นทุกแง่มุม แต่ไม่ได้ศึกษาในเชิงลึก เช่นโครงสร้างของส.ส.ร.
ด้านนายโภคิน พลกุล ฐานะที่ปรึกษา กมธ.ฯ กล่าวว่าข้อเสนอของกมธ.ฯ เป็นสิ่งที่ตกผลึกร่วมกัน ส่วนข้อเสนอให้มีส.ส.ร. ทำรัฐธรรมนูญนั้นถือเป็นข้อเสนอที่เห็นว่าหากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายมาตราควรให้ส.ส.ร.ดำเนินการ ส่วนกรณีที่มีข้อเรียกร้องของกลุ่มเยาวชนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญหรือ ปิดสวิซต์ส.ว.นั้น ตนมองว่าเป็นข้อเรียกร้องที่สะสมไว้เพื่อให้ส.ส.ร.รับไปพิจารณาได้ ทั้งนี้ประเด็นต่างๆ ต้องใช้เวลา และไปทีละประเด็น โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญตนเชื่อว่าจะเป็นไปตามกรอบของสันติวิธี
นายโภคิน กล่าวต่อว่า สำหรับเวลาที่จะใช้พิจารณานั้น คาดว่าฉบับแก้ไข จะเสร็จเดือนกุมภาพันธ์ 2564 จากนั้นคือตั้งส.ส.ร. โดยใช้เวลา 60 วัน จากนั้นยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามที่มีความเห็นคือ 120 วัน หรือ 240 วัน ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อตกลง จากนั้นจะนำร่างรัฐธรรมนูญให้สภาฯ เห็นชอบหรือทำประชามติ เป็นเรื่องต้องพิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามหากให้ส.ส.ร.ทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว เนื้อหาจะออกมาเหมือนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันหรือรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 ต้องยอมรับ เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปได้
จากนั้น กมธ.ฯ ได้มอบรายงานที่จัดทำให้กับนายชวน เพื่อพิจารณาบรรจุในระเบียบวาระ โดยนายชวน กล่าวว่า ตนจะตรวจสอบก่อนบรรจุในวาระ เบื้องต้นในวันที่ 10 ก.ย.นี้ รายงานจะอยู่ในระเบียบวาระการประชุม ทั้งนี้ในระเบียบวาระมีรายงานของกมธ.ที่ทำแล้วเสร็จบรรจุไว้หลายเรื่อง ดังนั้นรายงานฉบับดังกล่าวต้องบรรจุในลำดับต่อไป แต่หากที่ประชุมสภาฯ เห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน สามารถขอมติให้เลื่อนพิจารณาได้
ทั้งนี้นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐในฐานะกมธ.ฯ กล่าวว่า ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ จะขอเลื่อนรายงานของกมธ.ฯ ขึ้นมาพิจารณาก่อน เพราะเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และวิปฝ่ายค้าน แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับระเบียบวาระประชุมสภาฯ พบว่าล่าสุด มีรายงานที่กมธ. พิจารณาแล้วเสร็จบรรจุรอพิจารณา ทั้งสิ้น 5 เรื่อง ได้แก่
1. รายงานของกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM ๒.๕) อย่างเป็นระบบ เรื่อง แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) อย่างเป็นระบบ, 2.รายงานกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ เรื่อง แนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ , 3.รายงานกมธ.วิสามัญพิจารณามีมติให้รับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน และประชาชน ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว
4.รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปฏิบัติตามกฎหมายของโครงการก่อสร้างทางรถไฟยกระดับและถนนยกระดับในเขตกรุงเทพมหานคร และการใช้ประโยชน์ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (โฮปเวลล์) ซึ่ง กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนพิจารณาเสร็จแล้ว และ 5.รายงานพิจารณาศึกษา เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. …. ที่กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนพิจารณาเสร็จแล้ว