อดีตปธ.ศูนย์กลางนร.ปี 16 หนุน ‘เพนกวิน’ แนะ มธ. อย่าปิดกั้น ชี้เผด็จการสร้างความกลัวมาทุกยุค

อดีตปธ.ศูนย์กลางนร.ปี 16 หนุน ‘เพนกวิน’ แนะ มธ. อย่าปิดกั้น ชี้เผด็จการสร้างความกลัวมาทุกยุค

สืบเนื่องกรณี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยแพร่เอกสาร ไม่อนุญาตให้กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กระทั่งมีทั้งกลุ่มสนับสนุนและคัดค้านออกแถลงการณ์และยื่นหนังสือต่อ รศ. เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์

เมื่อวันที่ 16 กันยายน นายพลากร จิรโสภณ อดีตประธานศูนย์กลางนักเรียนแห่งประเทศไทย ปี 2516 กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับคำกล่าวของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ที่ว่า หากทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่ยอมให้ใช้สถานที่ ก็ต้องใช้วิธีบุก ในอดีตรุ่นที่ตนต่อสู้กันมา ก็ไม่ใช่ว่าต่อสู้โดยได้รับอนุญาตจากใครทั้งสิ้น

“โดยธรรมชาติแล้ว เขาไม่อนุญาตให้เรามาประท้วงกันหรอก เขาไม่อนุญาตให้เรามาเรียกร้อง ต้องขัดขวาง เป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ฝ่ายประชาชน ต้องใช้สิทธิที่ตัวเองมี เพราะฉะนั้น เมื่อ 14 ตุลา มีการเอากุญแจไปปิดห้องสอบ อุดรูกุญแจให้เข้าสอบไม่ได้ ทุกคนไมได้เข้าห้องสอบ เมื่อไม่ได้เข้าห้องสอบก็ออกมาชุมุนมกัน นี่คือการต่อสู้ในครั้งนี้ แม้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะไม่ให้เข้า แต่ถ้าประชาชนจะเข้า เป็นหมื่น เป็นแสน มหาวิทยาลัยก็ต้องยอม เป็นธรรมดาที่ฝั่งเขาก็ต้องบอกว่า ไม่ ฝั่งเราก็ไม่ได้แปลว่าต้องเชื่อ แต่เราก็ควรเรียกร้อง เพราะธรรมศาสตร์มีเสรีภาพทุกตารางนิ้ว ไม่ควรปิดกั้นการแสดงออกของประชาชน” นายพลากรกล่าว

นายพลากรกล่าวว่า รัฐก็คือรัฐ รัฐได้ออกแบบเครื่องมือควบคุมประชาชนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนที่มีการทำหนังสือ ‘กดกดกด’ ในยุคจอมพลถนอม กิตติขจร ก็มีสันติบาลมาสืบ ว่าใครเป็นคนทำหนังสือ มีการคุกคามไปตามโรงเรียน มีคำสั่งห้ามนักเรียนไปทำกิจกรรม เริ่มมีการสอดส่อง เก็บรวบรวมชื่อของคนที่มาทำกิจกรรม ตอนนี้ก็เหมือนกับยุคนั้น ในยุคของเผด็จการ ไม่ว่าเผด็จการถนอม หรือเผด็จการยุคปัจจุบัน พยายามสร้างความหวาดกลัว มีการเรียกนักเรียนไปพบอาจารย์ฝ่ายปกครอง เรียกผู้ปกครองมาคาดโทษ ทำทัณฑ์บน การคุกคามมีเหมือนกัน รูปแบบเดียวกันหมด ไม่ต่างกัน วันนี้ เห็นนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหอย่างมากมาย รู้สึกมีความหวัง ซึ่งตนก็ได้เดินทางเข้าร่วมสังเกตการณ์ชุมนุมใหญ่ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้วย

Advertisement

“หลังปี 49 เห็นนักศึกษาเริ่มสนใจการเมือง แม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆ ออกมาทำกิจกรรมนอกมหาวิทยาลัยเป็นส่วนใหญ่ ก็เริ่มมีความหวังเล็กๆ ขึ้นมาบ้าง ว่านักศึกษาเริ่มสนใจการเมืองแล้ว กระทั่งถึงวันนี้ ซึ่งค่อนข้างมหัศจรรย์ที่นักเรียนตื่นตัวขึ้นมามากมายถึงขนาดนี้ พูดตามตรงว่าผมรู้สึกฮึกเหิม อยากเข้าไปมีส่วนร่วม ในการชุมนุมบางครั้ง ได้เข้าไปแอบให้กำลังใจ คงบไปทำหน้าที่เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ วันที่ 16 สิงหาคม ชุมุนมใหญ่ก็ไปร่วม แต่ขออยู่รอบนอก เพราะเข้าไปข้างในไม่ไหว หายใจไม่ออก คนเยอะมากในขณะเดียวกัน ทำให้กลับมีความเชื่อมั่นในความเชื่อบางอย่างที่เคยมีมาในอดีตว่า พลังของเยาวชนคือพลังของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ในประวัติศาสตร์ของการเปลี่ยนแปลงโลก ที่ผ่านมา ล้วนแต่มาจากเยาวชนคนหนุ่มสาวมีบทบาทเป็นกองหน้าในการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น อย่างที่พม่า ที่ผ่านมาก็เป็นคนหนุ่มสาวที่ออกมาต้านเผด็จการ สังคมไทยก็เหมือนกัน คิดว่าสังคมไทยสามารถฝากความหวังไว้ที่คนหนุ่มสาวซึ่งไม่มีภาระเรื่องผ่อนรถ ผ่อนบ้าน เลี้ยงลูก ทำอาชีพ มีความบริสุทธิ์ใจ” นายพลากรกล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องหนึ่งที่คิดว่าไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยคือความคิดที่ว่า เด็กคิดเองไม่เป็น มีคนอยู่เบื้องหลัง เชื่อคนง่าย ไปฟังคนเขาหลอก ทั้งที่เด็กยุคใหม่มีวิธีคิดและข้อมูลสลับซับซ้อนมากว่าในอดีตมาก

ทั้งนี้ นายพลากร จะเป็นหนึ่งในวิทยากรในงานศิลปวัฒนธรมเสวนา ‘การเมืองกับขบวนการนักเรียนนักศึกษา ก่อนจะถึง 6 ตุลา 19’ ที่มติชนิคาเดมี พฤหัสบดีที่ 17 กันยา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image