‘อ.มธ.’ จี้ชนชั้นนำรับข้อเสนอ ลั่น ‘รัฐสวัสดิการ’ คือโอกาสสุดท้าย เกิดได้แค่มอง ‘คนเท่ากัน’

‘อ.มธ.’ จี้ ชนชั้นนำ รับข้อเสนอ ลั่น ‘รัฐสวัสดิการ’ คือโอกาสสุดท้าย เกิดได้แค่มอง ‘คนเท่ากัน’

เมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่ สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เครือข่าย We Fair, ภาคีนักศึกษาศาลายา, ศาลายาเนี่ยน และ สามัญชน จัดงาน “Salaya Democracy Fest” โดยมีกิจกรรม อาทิ วงเสวนา การแสดง ฉายสารคดีสั้น และการกล่าวสุนทรพจน์ เพื่อเป็นเสียงของผู้ฝักใฝ่เห็นการเปลี่ยนแปลงในระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคงขึ้น

เวลา 19.38 น. มีการเสวนาในหัวข้อ “เปลี่ยนรัฐเผด็จการเป็นรัฐสวัสดิการ” ในตอนหนึ่ง รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี วิทยาลัยสหวิทยาการ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ขบวนการข้อเรียกร้องต่างๆ อยู่ในจังหวะที่ถูกต้องเหมาะสม เหมาะควรอย่างยิ่ง ที่เราเผชิญหน้าอยู่นี้คือความอัปลักษณ์ของทุนนิยมไทย คำว่านายทุนไม่ได้หมายถึงเพียงนายทุน แต่หมายถึงกลุ่มคนที่ทำให้ระบบทุนนิยมอยู่ได้ หากย้อนกลับไปข้อเรียกร้องของ เยาวชนปลดแอก คือขอคืนค่าเทอม 20% จ่าย 20,000 คืน 4,000 บาท หลังมหาวิทยาลัยปิด แล้วสอนออนไลน์ ซึ่งมหาวิทยาลัยส่วนมากอ้างเหมือนเราขอให้เลิกการเกณฑ์ทหาร กล่าวคือ อธิการบดีไปหลบอยู่หลังลูกจ้าง บอกว่าถ้าจะให้คืนเงินต้องเลิกจ้างคนเหล่านี้ ข้อเรียกร้องของเยาวชนปลดแอกถูกเมินเฉย กลายเป็นข้อเรียกร้องที่ขยับขยายมากขึ้นในเรื่องสิทธิ และความผิดพลาดจากการบริหารงานของรัฐบาล

“เวลาแก้ไขปัญหามีจำกัด และนี่คือขวบปีสุดท้ายของประเทศที่จะรับข้อเสนอนี้ รัฐสวัสดิการถ้วนหน้า ลดความเหลื่อมล้ำ และประชาธิปไตย หากทำช้ากว่านี้จะเพียงพอให้ผู้คนเยียวยาความโกรธเกรี้ยวและคับแค้นได้หรือไม่ เพราะความโกรธเกิดขึ้นมากมายมหาศาล”

รศ.ดร.ษัษฐรัมย์กล่าวว่า การปราศรัยของเยาวชนที่มหาสารคาม บอกว่า ชีวิตเราควรหลับตาและเลือกได้ว่าพรุ่งนี้จะตื่นมาเป็นอะไร เลือกอาชีพได้ แต่ไม่ใช่ ยังไงคนก็ไม่เท่ากัน เพราะมายเซตของประเทศนี้บอกว่า คุณเกิดมาเป็นเพชรก็ได้ประดับคฑา แต่ถ้าเกิดเป็นก้อนกรวดก็ถูกถมเป็นทาง ไม่เท่ากัน

Advertisement

“ถ้าชนชั้นนำได้ยิน นี่เป็นโอกาสสุดท้าย คือรับข้อเสนอรัฐสวัสดิการ  ใช้งบเพียง 1.3 ล้านบาทต่อปี เพื่อทำให้รัฐสวัสดิการเทียบเท่าประเทศแถบนอร์ดิก นี่ไม่ใช่เรื่องการกดเครื่องคิดเลขว่าเป็นไปได้หรือไม่ เพียงแค่มีความคิดว่าคนเท่ากัน งบประมาณรายจ่ายสวัสดิการ ที่คนทั้งครอบครัวได้รับเพียง 20,000-30,000 หมื่นต่อปีเท่านั้น งบให้ข้าราชการคนหนึ่ง 14,000 บาท ค่าเฉลี่ยสูงเป็น 3 เท่าของคนธรรมดา สิ่งเหล่านี้อยู่แต่เงื่อนไขว่า เป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้เท่านั้น ถ้าเราคิดว่า สามารถจ่ายเงินให้เด็กเรียนถ้วนหน้าได้ ใช้เพียง 4 แสนล้านบาทต่อปี ยกระดับประกันสังคมให้ถ้วนหน้า รัฐสมทบให้คนนอกระบบ”

รศ.ดร.ษัษฐรัมย์กล่าวว่า ทั่วโลกวันนี้ปลุกกระแส สังคมประชาธิปไตย คนหนุ่มสาวกำลังพูดภาษาเดียวกัน เราไม่ได้ต่อสู้เผด็จการเพียงลำพัง ดังนั้น คนรุ่นใหม่ต้องสนทนากันว่าในอนาคตเราต้องการอะไร เพราะสุดท้ายก็จะเหมือนทุกครั้ง ที่อำนาจนิยมจะคุยกันเองและกำหนดชะตาชีวิตให้เรา

“จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตั้งคำถาม ถึงกลุ่มทุนที่สะสมความมั่งคั่ง ผมมีเคยความฝันโรแมนติกว่าถ้าเราพูดสิ่งเหล่านี้ ชนชั้นนำจะฟัง และเปลี่ยนทัศนคติ แต่สุดท้ายพบว่าไม่มีเทวดาที่ไหน การต่อสู้มาจากคนข้างล่างทั้งสิ้น คือส่วนสำคัญที่จะกำหนดชะตาชีวิตของเรา”

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image