ลูกพ่อขุน สู้เผด็จการ แนะเอาเงินจ้างคนคุกคามไปเยียวยาปชช.
เมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ คณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร และคณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ (คปอ.) จัดกิจกรรม ตลาดนัด “งานสภากับประชาชน” โดยมีเวทีเสวนา มินิคอนเสิร์ต และการออกร้าน
เวลา 13.40 น. มีการเสวนาในหัวข้อ “เยาวชนกับการเมือง”
น.ส.ทิพอัปสร แก้วมณี หรือ มิเชล แกนนำกลุ่มลูกพ่อขุนไม่รับใช้เผด็จการ กล่าวว่า ส่วนตัวเกิดในครอบครัวที่ยากจน ต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวตั้งแต่เด็ก ทำงานตั้งแต่ ป.4 รับจ้างทั่วไป
ทำไมเราต้องทำงานหนักขนาดนี้ สภาวะการเมืองเป็นแบบนี้ ถึงได้ออกมาแสดงออกทางการเมือง ซึ่งผู้ใหญ่บอกทำไมไม่เอาเวลาไปตั้งใจเรียน ส่วนตัวและเพื่อนในนามกลุ่มลูกพ่อขุนไม่รับใช้เผด็จการ เป็นคนที่ต้องเรียนและทำงานไปด้วย ต้องเสียภาษีไม่เพียง 7 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังเสียภาษีเงินได้ 3 เปอร์เซ็นต์ ให้กับรัฐ ซึ่งมีสิทธิ์พูดแสดงความเห็นถึงความห่วยแตกในการบริหาร เราทนไม่ได้ นอกจากทำงานเลี้ยงตัวเองแล้ว ยังต้องเจียดภาษีเราไปเลี้ยงใครอีกหรือไม่ ถ้าเราไม่ออกมา คนที่อยู่จุดเราจะทำอย่างไร หากไม่สามารถทำให้เขาเห็นว่า เราพูดได้ ไม่ใช่ทำงานเสียภาษี แต่ทำอะไรไม่ได้เลย
น.ส.ทิพอัปสร เผยว่า ก่อนจะมาเริ่มกิจกรรมทางการเมือง 3 ปีที่แล้วไปร่วมกิจกรรมกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง จากที่ไปดู พี่โบ สักวันหนึ่งหวังว่าเราจะได้จับไมค์ปราศรัย มาถึงจุดที่เราต้องมาจับไมค์ เริ่มจัดม็อบ ลูกพ่อขุนไม่รับใช้เผด็จการ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จึงต้องออกมาบ้าง รวบรวมความกล้าจัดงานปราศรัยที่มหาวิทยาลัย ในหัวมีหลายอย่าง เพราะมหาวิทยาลัยรามคำแหงมีภาพชัดว่ามีทิศทางไปฝั่งตรงข้าม ห้อยนกหวีตก็มาก การเมืองในมหาวิทยาลัยค่อนข้างรุนแรง รวบรวมความกล้าอย่างมากในการต่อสูัเผด็จการทั้งในมหาวิทยาลัย และนอกมหาวิทยาลัย
“เมื่อได้จัด ดีใจที่คนเริ่มเปิดหูเปิดตา ว่าความยุติธรรมไม่มี ตอนนั้น พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบไปหมาดๆ จึงเรียกคนมาชุมนุมได้ หลายครั้งที่เราออกมาก็จะหาช่องทางแทรกแซงเราให้จัดไม่ได้ แต่ด้วยมวลชนเยอะ จึงทำให้จัดไปต่อไป
เราไม่เคยโผล่หน้าในกิจกรรมมหาวิทยาลัยเลย เป็นกิจกรรมแรกของตัวเอง ในการก่อตั้งกลุ่ม มี 2 คน คือตัวเอง และเพื่อนชายอีกคน ซึ่งค่อนข้างหัวรุนแรง จึงขึ้นเอง เมื่อเป็นผู้หญิงก็ทำให้ภาพดูซอฟต์ลงด้วย”
น.ส.ทิพอัปสร ยังฝากถึงเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงด้วยว่า หยุดคุกคาม เพราะยิ่งคุกคาม เรายิ่งไม่หยุด การที่ส่งคนมาตามมีมูลค่า มีงบประมาณ เอามาจ้างพี่ๆ ทหาร ตำรวจ ขอพูดจากใจ กว่าจะได้เงินมา ลำบาก ต้องเอาเงินจำนวนหนึ่งไปเสียให้เขาเพื่อมาติดตามพวกหนูอีก ที่มีแค่สองมือ อาวุธไม่มี จะสู้อะไรได้ เอาเงินตรงนี้ไปเยียวยาคนดีกว่า ช่วงโควิดเราไม่ได้หยุดนิ่งเฉย ลงชุมชน เห็นคนขายขอบจำนวนมาก ที่ไม่มีเลข 13 หลัก การเยียวยาใดๆ จึงไม่ได้รับ ซึ่งรัฐกำลังเอาเงินส่วนนั้นมาจ้างให้ติดตามเรา สร้างความหวาดกลัวให้คนรอบตัว ยิ่งทำเรายิ่งต่อต้าน ต่อให้มาตาม ก็ยังจะสู้”
“ที่ว่าไม่เราทิ้งกัน ตอนนี้โดนทิ้งกันไปมากแล้ว” น.ส.ทิพอัปสร กล่าว
