‘กลุ่มความหลากหลายทางเพศ’ ขอกำหนดคำนำหน้า ดันประเด็นทำแท้งถูก กม.-ชี้สังคมอย่ายึด ‘ดีงาม’ มากกว่า ‘ความเป็นคน’
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่หน้าเรือนจำคลองเปรม แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เยาวชนหญิง 4 ราย จากกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ได้ร่วมกันยืนถือป้าย “มันทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ” ก่อนจะอ่านปฏิญาณว่าด้วยสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับผู้ต้องขัง-นักโทษ พร้อมทั้งประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเรือนจำ และเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎระเบียบที่ละเมิดสิทธิทันที
จากนั้นเวลา 17.40 น. กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศกล่าวปราศรัย โดยมีใจความว่า รัฐหาเพศกำเนิดให้เราด้วยหลักทางชีววิทยา เราไม่มีสิทธิเลือก ทั้งที่เป็นเจ้าของชีวิต เมื่อรู้เพศแน่ชัดก็ไม่สามารถเลือกใช้คำนำหน้าได้ มีให้แค่นาย-นางสาว เลือกเองไม่ได้ ต้องมีใบรับรองเพศที่บ่งชี้ทางชีววิทยาเพื่อที่จะระบุคำนำหน้า ถามว่าคำนำหน้าสำคัญอย่างไร สำคัญในกรณีไปต่างประเทศ เมื่อยื่นเอกสารแล้วไม่ตรงรูปลักษณ์ภายนอก ทำให้เกิดความยุ่งยาก และไม่สบายใจในการตรวจ
ทั้งนี้ ยังไม่ยอมรับทุกเพศสภาพ ส่วนตัวรับได้กับการไม่มีคำนำหน้าชื่อมากกว่า ซึ่งหากภาครัฐให้ความสำคัญจะมีกฎหมายคุ้มครองคนที่มีความหลากหลายทางเพศ รวมถึงเรื่องห้องน้ำสำหรับกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ อีกทั้งรัฐไม่ได้คำนึงถึงฮอร์โมนที่กลุ่มมีความหลากหลายทางเพศใช้ ไม่สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งควรเป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐาน
“เราโดนมองว่าแปลกประหลาด หรือยัดเยียดเพศให้ เมื่อแต่งกายตามเพศสภาพ อยากให้ทุกคนสนใจผู้มีความหลากหลายทางเพศให้มากกว่านี้” ตัวแทนกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศกล่าว
กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศอีกรายกล่าวว่า ฝากเรื่องการทำแท้ง ต้องการให้เป็นกฎหมายถูกต้องไม่ใช่สังคม-ศาสนาตีกรอบว่าไม่ดี เพราะคนอุ้มท้องคือผู้หญิง มีคำกล่าวว่า การทำแท้งเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ แต่เมื่อปัญหาดาหน้ามาแล้วก็ต้องแก้ การทำแท้ง มาตรา 301 หญิงใดทำให้แท้งลูก ต้องระวางโทษไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท และมาตรา 302 คือกฎหมายที่ลิดรอนเสรีภาพผู้หญิง มีความผิดถึงขั้นจำคุกเลยหรือ
“ร่างกายก็คือร่างกายเรา มดลูกเรา ทำไมคุณจึงมีสิทธิบอกว่าอะไรควร ไม่ควร เราเคยฟังข่าวว่าหญิงไทยเอาถุงที่แท้งไปทิ้ง แล้วถูกจับดำเนินคดี ไทยให้ความสำคัญกับความดีงามมากกว่าสิ่งที่หญิงไทยต้องแบกหรือไม่ เราจะอยู่อย่างนี้จริงๆ หรือ ประเทศที่ให้ความสำคัญกับศาสนามากกว่าความเป็นมนุษย์ ไม่มีใครตั้งใจท้องเพื่อไปทำแท้ง หรือแท้งเพื่อให้รู้สึกดี”
“อยากฝากให้กรมราชทัณฑ์และทัณฑสถานหญิงปรับกฎให้มีความเป็นมนุษย์มากกว่านี้ ไม่ใช่มองเขาว่าเป็นคนไม่ดี เจ้าหน้าที่จึงต้องทำขนาดนี้ คุณไม่มีความเป็นมนุษย์กว่าเขาอีก อยากให้ประเทศนี้ให้ความสำคัญกับหลักสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง
เราอยากมีประชาธิปไตยที่ไม่ทิ้งคนทุกคนไว้ข้างหลัง ประชาธิปไตยที่เคารพสิทธิขั้นพื้นฐาน เคารพความเป็นมนุษย์ คือประชาธิปไตยที่มีคนอยู่ด้วย” ตัวแทนกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศกล่าว
