“ชวน”ไม่ทน เตรียมฟ้องคนใส่ร้ายทางโซเซียลฯ กล่าวหาสั่งทำร้ายม็อบหน้าสภาฯ ทั้งข้อหาหมิ่นประมาทและ คอมฯ “ราเมศ”ซัด มีเครือข่ายพรรคการเมืองดำเนินการทำรายชื่อเสียง
เมื่อวันที่ 19 พ.ย.เวลา 10.00 น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการประธานรัฐสภา แถลงว่า จากการประชุมร่วมรัฐสภา ที่ผ่านมา และในวันที่ 17 พ.ย.มีการชุมนุมบริเวณโดยรอบอาคารรัฐสภา และนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวไว้เสมอว่ายินดีต้อนรับผู้มาเยือน และผู้ชุมนุมมีสิทธิ์เรียกร้องตามรัฐธรรมนูญได้ โดยสงบและปราศจากอาวุธ และการดำเนินการป้องกันภายนอกก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ และสำนักงานเลขาธิการรัฐสภาเป็นผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยในรัฐสภา มีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชัดเจนในการดูแลภายนอก ประธานรัฐสภาไม่มีอำนาจไปสั่งการเจ้าหน้าที่ภายนอกนอกรัฐสภา ปิดถนน หรือดำเนินการอะไร แต่มีการใช้โซเชียลมีเดีย ทั้งทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ก บิดเบือนข้อเท็จจริง กล่าวหาใส่ร้ายว่า ประธานรัฐสภา เพื่อให้เข้าใจผิดว่าเป็นคนสั่งการให้ทำร้ายประชาชน ซึ่งจากการที่ตนสืบมาพบว่าเป็นกลุ่มของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งมีข้อความลักษณะนี้เป็นจำนวนมากมาย โดยตนได้รับรวมไว้หมดแล้ว
“เราไม่ได้ห้ามในการวิจารณ์การทำงานของคนที่เป็นนักการเมือง โดยเฉพาะตำแหน่งประธานรัฐสภา วิพากษ์ วิจารณ์ได้ ทำได้เต็มที่ แต่ถ้าเป็นการกล่าวหาใส่ร้ายทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ผมคิดว่านี่คือความร้ายแรงที่สุด แม้จะพยายามออกมาชี้แจงว่าไม่จริง แต่หากไม่มีการดำเนินการตามช่องทางที่กฎหมายกำหนดไว้ เขาก็ไม่หยุดยังมีการกล่าวหาพลาดพิงตลอดเวลา จนทำให้เกิดความเสียหาย ผมจึงได้เสนอประธานรัฐสภา เพื่อให้มอบอำนาจไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อบุคคลที่กล่าวหาใส่ร้าย ซึ่งนายชวนได้ลงนามในหนังสือมอบอำนาจแล้ว โดยในสัปดาห์หน้าผมจะไปแจ้งความร้องทุกข์ข้อหาหมิ่นประมาท ที่ส.น.บางซื่อ และที่ ปอท. ความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยจะดำเนินการให้ถึงที่สุด”นายราเมศ กล่าว
เมื่อถามว่า ที่ระบุว่ามีกลุ่มของพรรคการเมืองที่ดำเนินการนั้นหมายถึงพรรคการเมืองไหน นายราเมศ กล่าวว่า ในสังคมโซเชียลฯ โดยเฉพาะช่องทางทวิตเตอร์ เป็นเครือข่ายของพรรคการเมืองหนึ่ง ตนไม่อยากเอ่ยชื่อ ตนไม่ได้กล่าหาว่าเป็นการจัดตั้งมาหรือไม่ ไม่ควรใช้ขบวนการแบบนี้ในการใส่ร้ายป้ายสี ทำรายเกียรติยศชื่อเสียงกัน ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้จะเป็นบรรทัดฐานว่าคนใช้โซเชียลฯ ไม่ควรโจมตี ใส่ร้าย กล่าวหาด้วยข้อความอันเป็นเท็จ