ครม. เห็นชอบ แผนแก้ฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ หวังแก้ปัญหามลพิษ

ครม. เห็นชอบ แผนขับเคลื่อนเรื่องฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ และแผนเฉพาะกิจฯ แก้ปัญหามลพิษฝุ่นละออง เน้นมาตราการ 3 ด้าน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติเรื่องการแก้ไขปัญหาด้านมลพิษเรื่องฝุ่นละออง และแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง โดยเน้น 3 มาตรการหลัก เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ ป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ พร้อมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง เป็นกลไกหลักในการกำกับดูแลและรับมือสถานการณ์ โดย
3 มาตรการ ได้แก่ มาตราการที่ 1 การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ เพิ่มความเข้มงวดในการดำเนินการ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จังหวัด พื้นที่เสี่ยง สามารถพิจารณากำหนดเกณฑ์ที่เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์และบริบทของพื้นที่ มีหน่วยงานรับผิดชอบชัดเจนสามารถสั่งการได้ทันทีในช่วงเกิดสถานการณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่วิกฤต เช่น กรุงเทพมหานครและปริมณฑลและภาคเหนือ 17 จังหวัด มาตรการที่ 2 การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง หรือแหล่งกำเนิด ลดและควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด ได้แก่ ยานพาหนะ อุตสาหกรรม การเผาในที่โล่ง การก่อสร้างและผังมือง และภาคครัวเรือน เช่น การพิจารณาให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีสำหรับรถยนต์ และน้ำมันเชื้อเพลิงที่เทียบเท่ามาตรฐานยูโร 5 ก่อนวันที่กฎหมายกำหนด และการส่งเสริมการทำการเกษตร ปลอดการเผา เป็นต้น และมาตรการที่ 3 การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ พัฒนาเครือข่ายการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศเสริม เพื่อเป็นการเฝ้าระวังในพื้นที่พัฒนาแบบจำลองการพยากรณ์คุณภาพอากาศ ฐานข้อมูลสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองจากไฟป่าและการเผาในที่โล่ง พัฒนาระบบเตือนภัย ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ รวมถึงการพัฒนาและใช้งานแอพลิเคชันและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นต้น

นายอนุชา กล่าวอีกว่า สำหรับแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง (แผนเฉพาะกิจฯ) 12 ข้อ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง โดยฉพาะในช่วงเกิดสถานการณ์ ได้แก่ 1.การสื่อสารประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย (เช่น แต่งตั้งคณะอนุกรรมการสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ และจัดทำแผนประชาสัมพันธ์) 2. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภายใต้คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งขาติ เพื่อเป็นกลไกหลักในการกำกับดูแลและรับมือสถานการณ์ 3.การบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่า โดยการเก็บขนและใช้ประโยชน์เศษวัสดุในป่า และการบริหารจัดการเชื้อเพลิงใน 17 จังหวัดภาคเหนือ 4.สร้างเครือข่าย อาสาสมัคร และจิตอาสา เป็นกลไกหลักเข้าถึงพื้นที่ ทั้งสื่อสาร ติตตาม เฝ้าระวัง และดับไฟ 5.เร่งขับคลื่อนโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป้า ภายใต้ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน โดยกำหนดเป้าหมาย 12 จังหวัดภายในปี 2563 และครบ 76 จังหวัด ภายในปี 2570 6.เร่งรัดการเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายโอนภารกิจการควบคุมไฟป่าให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม 7.การพยากรณ์ฝุ่นละอองล่วงหน้า 3 วัน เพื่อแจ้งเตือนประชาชน 8.ประยุกต์ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมในการรายงานปริมาณฝุ่นละอองเชิงพื้นที่ โดยเริ่มใช้วันที่ 1 ธันวาคม 2563 9.พัฒนาระบบคาดการณ์ และระบบสนับสนุนการตัดสินใจ รวมถึงการพัฒนาและใช้งานแอปพลิเคชันบัญชาการการดับไฟป่า โดยเริ่มใช้วันที่ 1 ธันวาคม 2563 10.บริหาจัดการเชื้อพลิงโดยใช้แอปพลิเคซันลงทะเบียนจัดการเชื้อเพลิง 11.ให้ประชชนมีส่วนร่วมในการดูแลป่าไม้ และลดการเผาป่าผ่านการจัดที่ดินทำกิน และ 12.เจรจาสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งระดับอาเซียน ระดับทวิภาคี และระดับพื้นที่ชายแดน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image