ราษฎร ‘เครือข่ายแรงงาน’ ลั่น ถึงเวลาจัดลำดับความสำคัญ จะเลือกรถถัง-เงินเดือนนายพล หรือ เรียนฟรี บำนาญ ปชช.
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ บริเวณท่ารถตู้ต่างจังหวัด ตรงข้ามศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน จัดกิจกรรมอุ่นเครื่องก่อนมีม็อบใหญ่ เพื่อแสดงจุดยืนไม่เอารัฐบาลเผด็จการทหาร โดยจะเริ่มกิจกรรมตามการนัดหมายในเวลา 16.00 น.
เวลา 19.35 น. นายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ (We Fair) กล่าวว่า มีการส่งต่อความยากจน ให้ลูกหลาน ในข้อมูลสถิติสำคัญของประเทศในการแก้ไขปัญหาคนยากจน ให้มีรายได้เฉลี่ย ประเทศรัฐสวัสดิการ อย่างเดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน สามารถแก้ไขคนยากจน มาเป็นค่าเฉลี่ยเท่ากัน เพียง 2 รุ่น แต่ทว่า ประเทศสหรัฐประมาณ 5 รุ่น ส่วนประเทศไทย ลองคิดดูว่ากี่รุ่น
ถ้าเราจะแก้ปัญหาความยากจน เพื่อให้มีรายได้เฉลี่ย ต้องใช้ทั้งหมด 7 รุ่นด้วยกัน ในประเทศที่ไม่ดี ส่งต่อรัฐสวัสดิการถึง 7 ชั่วโคตร คือความเป็นจริง ก่อนเลือกตั้ง 24 มีนาคม เราเดินสายไปกับพรรคการเมืองเกือบทุกพรรคเพื่อให้มีรัฐสวัสดิการ แต่จน 2 ปี ยังไม่มีพรรคไหนออกเรี่ยวแรง เรามาออกไปตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้กัน
พี่น้องทั้งหลาย เราไม่ยอมให้คนยากจนมีรายได้เพียงครึ่งหนึ่งของประเทศ ที่ต้องใช้ถึง 7 ชั่วโคตรเพื่อเปลี่ยนแปลง ดังนั้น เรามีข้อเสนอรัฐสวัสดิการ ดังนี้
1.เงินอุดหนุนเด็ก ต้องเป็นแบบถ้วนหน้า ไม่ได้มาก เพียง 600 ล้านบาท จะได้ถึง 4.3 ล้านคน และเรียนฟรีถึงระดับมหาวิทยาลัย
2.กองทุนสุขภาพ เรียกร้องการลาตลอด 180 วัน ผู้ขายต้องมีส่วนช่วยดูแลลูกด้วย ควรได้ 180 วันลาคลอด ทุกเพศสภาพ
ไผ่กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีประเด็น ความหลากหลายทางเพศ ขาบบริหารทางเพศ คนไร้บ้าน ควรเข้าถึงสวัสดิการนี้เช่นกัน สิ่งเหล่านี้จะสร้างไม่ได้ ถ้าเราไม่ช่วยกัน ยังมีอีกประเด็นสำคัญ คือ ผู้สูงอายุในประเทศ เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ ได้ร่าง 14,654 รายชื่อ ยื่นให้ประธานชวน หลีกภัย ส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลายเดือนแล้วไม่ลงนาม ไม่ต้องลงนามแล้ว ขอให้ลาออกไปดีกว่า นี่คือสิ่งที่เราได้ให้โอกาส ให้เวลากับรัฐบาล ที่บอกว่าตัวเองมาจากการเลือกตั้ง แต่เราทราบดีว่าเป็นประชาธิปไตยจำแลง ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับรัฐสวัสดิการ เรามีการเรียกร้องมาตลอด เราต้องร่วมกัน สร้างรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยไปพร้อมๆ กับการสร้างรัฐสวัสดิการ
รู้หรือไม่ งบประมาณปี 64 ในงบประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท ถ้าเราเทียบเป็นเงิน 100 บาท มีสวัสดิการประชาชนทั้งประเทศ เพียง 11 บาท แต่มีสวัสดิการของราชการ เพียง 5 ล้านคน สูงถึง 14 บาท ถ้าเอาสวัสดิการข้าราชการ รวมกับเงินเดิน จะใช้เงินสูงถึงเกือบ 40 บาท เรามีความจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญใหม่
“ถึงเวลาแล้วถึงทางเลือกแล้ว ว่าเราจะเลือก เรือดำน้ำ หรือเงินสนับสนุนเด็ก ถึงเวลาแล้ว ว่าเราจะเลือกรถถัง เลือกเงินเดือนที่จ่ายให้นายทุน หรือเลือกการเรียนฟรีถึงมหาวิทยาลัย บัตรทองที่ยกระดับคุณภาพ ความเท่าเทียมให้เกิด หรือเราจะเลือกบำนาญให้กับประชาชน บริษัทไทยนี้ เราทำงานถึง 55 ปี สำหรับแรงงานในระบบ แต่แรงงานนอกระบบไม่มีอายุเกษียณ คนเหล่านี้ ทำงานให้บริษัทประเทศไทยสร้างความเติบโต มั่งคั่งให้กับประเทศไทย แต่ได้รับเดือนละ 600 วันละ 20 บาท คิดดูว่า ประชาชน เกือบ 10 ล้านที่เป็นผู้สูงอายุ ถ้าเรามีเงินสนับสนุน โดยใช้เส้นความยากจน ประมาณ 3,000 บาท เราจะใช้งบประมาณ 3 แสนล้านบาท เทียบเท่างบข้าราชการ เรายอมรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น” นายนิติรัตน์ กล่าว
จากนั้น มวลตะโกน “เผด็จการจงพินาศ รัฐสวัสดิการเพื่อราษฎร์จงเจริญ”
