ส.ส.กรุงเทพฯ อัดรัฐทำเกินกว่าเหตุ ระดมตั้งสิ่งกีดขวางสกัดม็อบ ทำรถติดครั้งใหญ่ทั่วเมือง

‘ประเดิมชัย’ อัด รัฐทำเกินกว่าเหตุปมสกัดม็อบจนรถติด ย้ำในฐานะ ส.ส.ไม่สบายใจหลังมีข่าวลือขนทหารเข้ากรุงเตรียมประกาศกฎอัยการศึก

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากชาว กทม.จำนวนมากว่าได้รับความเดือดร้อนจากการจราจรที่ติดขัดในหลายเส้นทางในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐได้นำสิ่งกีดขวางจำนวนมากไปติดตั้งไว้บนผิวจราจรตามจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ เพื่อสกัดกั้นม็อบ ทำให้ชาว กทม.ที่สัญจรไปมาประสบความยากลำบากในการเดินทางอย่างมาก ทั้งๆ ที่การชุมนุมก่อนหน้านี้แม้จะมีปัญหาด้านการจราจรอยู่บ้าง แต่ไม่เคยติดหนักขนาดนี้ ซึ่งตนเองได้รวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงจึงพบว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้มีการเตรียมการสกัดกั้นม็อบแตกต่างจากการชุมนุมทุกครั้ง และเกินกว่าเหตุจริง เพราะวางตู้คอนเทนเนอร์กระจายไปทั่ว แทนที่จะวางสกัดกั้นเฉพาะทางเข้าสำนักงานทรัพย์สินฯ ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐวางแผนอย่างรอบคอบและใช้สิ่งกีดขวางเท่าที่จำเป็น ไม่ใช่วางแนวกั้นด้วยตู้คอนเทนเนอร์กระจายเหมือนวางเบ็ดราวขวางถนนหลายสายอย่างที่กระทำในครั้งนี้ เพราะผลที่ตามมาคือรถติดหนักทั้ง กทม. คนกรุงออกมาด่ารัฐบาลกันขรม จนเกิดเทรนด์ทวิตเตอร์ “#รถติด”

นายประเดิมชัยกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังทราบว่ามีการเกณฑ์เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจนอกเครื่องแบบ มาร่วมสกัดม็อบมากกว่าปกติ กระจายไปในจุดสำคัญ แต่ครั้งนี้ไม่ใส่เสื้อเหลือง แต่ใช้หมวกกันน็อกเป็นสัญลักษณ์แบ่งที่มาของต้นสังกัด ซึ่งไม่ทราบว่าผู้มีอำนาจมีความประสงค์อย่างไร แต่ตนเองในฐานะที่เป็นผู้แทนราษฎรรู้สึกไม่สบายใจ เพราะนอกจากจะมีกระแสข่าวเรื่องเตรียมประกาศกฎอัยการศึกเพื่อนำกำลังทหารเข้ามา ก่อนจะตามด้วยการรัฐประหารแล้ว การเกณฑ์กำลังพลนอกเครื่องแบบมาปฏิบัติการแบบนี้ถือว่ามีความเสี่ยงกับการเกิดม็อบชนม็อบ และหากเกิดสถานการณ์มือที่ 3 จะทำให้ไม่สามารถแยกแยะได้เลยว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ จึงอยากเรียกร้องให้ใช้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเท่าที่จำเป็นเท่านั้น แต่ไม่ควรเกณฑ์มาเป็นร้อยเป็นพันเหมือนในครั้งนี้

“ผมอยากขอร้องให้ผู้มีอำนาจปฏิบัติการกับม็อบเหมือนกับเป็นลูกหลานหรือพี่น้องร่วมชาติ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังหรืออาวุธเข้าปราบปราม โดยคำนึงถึงสวัสดิภาพของชีวิตและทรัพย์สินของผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นหลัก เพราะการใช้ความรุนแรงไม่ใช่วิธีในการแก้ปัญหา แต่เป็นการเพิ่มปัญหาใหม่ที่ทำให้คนมาร่วมม็อบมากขึ้น ดังนั้น เจ้าหน้าที่รัฐผู้ที่ถืออาวุธจึงต้องมีขันติและเมตตาธรรม และต้องตระหนักให้ได้ว่าปัญหาความขัดแย้งนั้นมีอยู่จริง ไม่เช่นนั้นประชาชนจะออกมาเรียกร้องกันกลางถนนทำไม จึงควรร่วมกันกำจัดปัญหาออกไป ไม่ใช่ทำตัวให้เป็นเงื่อนไขในการสร้างปัญหา”​ นายประเดิมชัยกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image