‘ฝ่ายค้าน’ ยอมรับ กำลังไม่พองัดฝ่ายรัฐบาล รอวัดใจส.ว. ยืนข้างปชช. หรืออำนาจเผด็จการ หลังชงล็อกโหวต ใช้เสียงรับร่าง 2 ใน 3
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการพิจารณา (กมธ.) ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1) คนที่หก ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีกระแสว่าส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และส.ว. จะล็อกโหวตให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญยากขึ้น ว่า เป็นความคาดหมายที่ฝ่ายรัฐบาลต้องการล็อกให้แก้ไขยากตามร่างรัฐธรรมนูญของรัฐบาล ที่ต้องการกำหนดการยื่นขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องมาจากส.ส.จํานวน ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของส.ส. หรือจากส.ส. และส.ว.จํานวน ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้ง 2 สภาคือต้องมีจำนวน 100 เสียงขึ้นไป นอกจากนี้ยังต้องการกำหนดจำนวนเสียงในวาระรับหลักการ 3 ใน 5
ล่าสุด ก็เสนอเป็น 2 ใน 3 ซึ่งจะทำให้การใช้เสียงในวาระรับหลักการทำได้ยากกว่าเดิม และในวาระลงมติ วาระที่ 3 เสนอให้ใช้เสียง 3 ใน 5 ทำให้เป็นการจำกัดให้มีเพียงพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) เท่านั้นที่มีสิทธิ์ยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากกมธ. 45 คน แบ่งเป็นส.ว. 15 คน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 17 คน และส.ส.ฝ่ายค้าน 13 คน ที่สำคัญคือในจำนวนส.ว. 15 คน มี 10 คน ที่ลงมติไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 คือเป็นคนที่ไม่อยากแก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่แรก และส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ก็เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยอำนาจรัฐสภา ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพื่อตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่สามารถทำได้หรือไม่ สะท้อนว่า ไม่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง ส.ว. ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผลพวงของการรัฐประหาร เป็นขบวนการของคสช.ที่ไม่ยอมปล่อยอำนาจ
เมื่อถามว่า มีข้อกังวลอะไรบ้างในช่วงการโหวตแปรญัตติ เพราะเสียงของฝ่ายค้านมีน้อยกว่าฝ่ายรัฐบาลมาก นายธีรัจชัย กล่าวว่า มีข้อกังวล 3 จุด คือ 1.ฝ่ายรัฐบาลต้องการกำหนดให้แก้ไขรัฐธรรมนูญยาก เพราะรัฐธรรมนูญฉบับที่จะแก้ไขนี้จะอยู่ไม่นาน คือประมาณ 1 ปี หากตั้งส.ส.ร. ก็จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะมีกลไกอีกแบบหนึ่ง หากกำหนดการแก้ไขยากก็จะเป็นเครื่องมือการต่อรองของฝ่ายรัฐบาล 2.ที่มาของส.ส.ร. หากใช้รูปแบบที่มาแบบรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้ง 150 คน และ 50 คน มาจากการคัดเลือก ซึ่งอาจจะเกี่ยวโยงกับรัฐบาล และ3.การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพื่อไม่ให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“ฝ่ายค้านก็จะสู้เต็มที่เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ประชาธิปไตย ความสำคัญคือ ความชอบธรรมที่เรามีอยู่ตามประชาธิปไตย ในการต่อสู้ด้วยเหตุผล และชี้ให้เห็นจุดยืนว่า ถึงแม้ส.ว.จะมาจากการแต่งตั้งของคสช. แต่ในรัฐธรรมนูญระบุว่า เป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย ถ้าส.ว. ไปสนองตอบอำนาจรัฐประหาร ก็คงเป็นผู้แทนแค่ในนาม แต่หากมาอิงข้างประชาชน ตอนนั้นก็จะเป็นผู้แทนของประชาชนได้ เราจะต้องกระตุ้นจิตสำนึกให้ส.ว.มายืนข้างประชาชนให้ได้ ถ้าไม่ได้ เราก็ต้องวัดใจกันว่า อีกฝ่ายจะเลือกยืนข้างไหน ต้องการเปลี่ยนผ่านประเทศ หรือต้องการแช่แข็งประเทศอยู่ในอำนาจเผด็จการแบบนี้” นายธีรัจชัย กล่าว