‘วิโรจน์’ ไล่รบ.ปรับทัศนคติตัวเอง เหน็บ ‘หนู’เป็นพาหะโควิด แพร่เชื้อโดย ‘ปากประยุทธ์’

สภาฯ ถก ปัญหาโควิดระบาดระลอกใหม่ “วิโรจน์” ไล่“นายกฯ-รมว.สธ.” ปรับทัศนคติแก้ปัญหา เหน็บ หนูเป็นพาหะโควิด -การแพร่เชื้อเกิดจากปาก “ประยุทธ์”

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้พิจารณาญัตติด่วน ให้สภาผู้แทนราษฎร เสนอความเห็นไปยังรัฐบาลต่อการแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดระลอกใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในข้อเสนอของส.ส.นั้น ในส่วนของส.ส.ที่สังกัดพรรคร่วมรัฐบาล ได้กล่าวสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการเร่งแก้ไขปัญหา พร้อมกล่าวชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง รวมถึงหน่วยงานท้องถิ่นที่ร่วมมือปฏิบัติหน้าที่เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค

ส่วนความเห็นของพรรคฝ่ายค้านนั้น ได้ย้ำถึงความล้มเหลวต่อการรับมือการระบาดของโรค โดยเฉพาะการบริหารสถานการณ์​ ของผู้นำรัฐบาล พร้อมกังวลต่อสถานการณ์ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 นั้นจะทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคเอกชนเสียหาย อาทิ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า การระบาดระลอกใหม่ ของโควิด-19 มาจากความหละหลวมและละเลย การลักลอบเข้าประเทศตามชายแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ หรือ ช่องทางปกติที่ต้องเสียเงิน ที่ตนมองว่าเป็นฝุ่นใต้พรม เพราะการลักลอบแรงงานข้ามชาติเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายมีบุคคลที่เกี่ยวข้องและลี้ภัยไปที่ประเทศออสเตรเลีย นอกจากนั้นปัญหาดังกล่าวประชาชนสงสัยว่ามีเจ้าหน้าที่รับเงินสินบน ราคาระหว่าง 6,500 บาท ถึง 10,000 บาท โดยเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุครั้งแรกว่าไม่มี แต่ภายหลังยอมรับว่าอาจมีข้าราชการเกี่ยวข้อง ดังนั้นควรตั้งกรรมการสอบสวนอย่างจริงจัง และใช้โอกาสเพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย

“ปัญหาการระบาด ส่วนหนึ่งมาจากทัศนคติของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุว่าโควิด-19 เป็นโรคกระจอก จากที่ผมเคยเรียนว่าหนูเป็นพาหะกาฬโรค แต่ปัจจุบันหนูเป็นพาหะของโควิด-19 หากรัฐบาลคุมไม่ดี การระบาดไปทั่วประเทศต้องเจอปัญหาเศรษฐกิจแน่นอน”นายวิโรจน์ กล่าว

Advertisement

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีนายจ้างและมีสถานะเป็นแรงงานผิดกฎหมาย ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าวันที่ 23 ธ.ค. จะกวาดล้าง ทำให้แรงงานผิดกฎหมายถูกลอยแพ เกิดกรณีทิ้งแรงงานในพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ กลายเป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์เกิดขึ้นรอบๆ ซึ่งตนมองว่าการแพร่เชื้อเกิดจากปากของพล.อ.ประยุทธ์

“รัฐาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตั้งแต่เดือนมี.ค.63 แต่ไม่มีมาตรการเป็นรูปธรรมเพื่อป้องกันการระบาด สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือสถานกักกันโรคระดับจังหวัดต้องทำให้ทันสถานการณ์ และสนับสนุนงบประมาณที่ใช้กักกันและรัฐต้องอุดหนุนบางส่วน เพื่อให้แรงงานเข้าประเทศอย่างถูกกฎหมาย วางระบบกักกันให้ถูกต้อง ผมเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ปรับทัศนคติตัวเอง เพราะไม่เคยโทษตนเอง ล่าสุดไปซักผู้ว่าฯสมุทรสาครว่าแรงงานมาจากไหน ทั้งที่ควรถาม ผบ.ทบ. ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยเรียนรู้ปัญหา บอกให้ประชาชนรับผิดชอบร่วมกัน แต่ต้องถามกลับว่าคนอย่างพล.อ.ประยุทธ์เคยรับผิดชอบอะไรหรือยัง” นายวิโรจน์ กล่าว

ขณะที่นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ อภิปรายว่ารัฐบาลไม่เคยมีมาตรการควบคุมสินค้าที่เป็นสินค้าควบคุมช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ปัจจุบันพบว่าสินค้าขึ้นราคา ทั้งนี้แรงงานข้ามชาติในประเทศไทยกระจายอยู่รอบกรุงเทพฯ ขณะที่มาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ควรสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้อง และควรสื่อสารให้แรงงานเข้าใจ โดยใช้ภาษาเมียนมา นอกจากนั้นรัฐบาลต้องดูแลช่วยเหลือแรงงานคนไทยที่ประกอบอาชีพ หรือใช้แรงงานในต่างแดน อาทิ ประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะผู้ประกอบการร้านต้มยำกุ้งในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image