“สมชัย” แจงคืบหน้าพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประชามติ เชิญหน่วยงานให้ข้อมูลเกือบครบแล้ว เผย ต้นปี เตรียมลุยรายมาตราต่อ ยอมรับความเห็นกมธ.เป็นเชิงบวก ทำปชช.มีส่วนร่วมมากขึ้น
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ….. กล่าวถึงความคืบหน้าการทำงานของกมธ.ว่า ได้มีการเชิญฝ่ายต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อการทำประชามติมาให้ข้อมูลเกือบครบถ้วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) กระทรวงการต่างประเทศ ตัวแทนกลุ่มนักเรียนไทยในต่างประเทศ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ทำให้เห็นมุมมองในการออกแบบกฎหมายที่เกิดความสมบูรณ์มากขึ้น แต่อาจจะต้องเชิญมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้งในช่วงต้นปีหน้า โดยอยากจะฟังกกต.เกี่ยวกับการลงคะแนนเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งบทบาทของผู้ตรวจการเลือกตั้งว่าได้ประโยชน์และคุ้มค่าหรือไม่
นายสมชัย กล่าวต่อว่า ส่วนการพิจารณาแบบรายมาตรา เริ่มพิจารณาไปบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่มากนัก เข้าใจว่าช่วงต้นปีหน้าจะเริ่มพิจารณารายมาตราต่อไป และหากเวลาไม่พอก็อาจพิจารณาเพิ่มวันประชุมจากสัปดาห์ละ 2 วันเป็น 3 วัน ทั้งนี้ หากดูจากความเร็ว ความละเอียดในการพิจารณา การประชุมสัปดาห์ละ 2 วันอาจจะไม่ทัน ก็คงอาจจะต้องเพิ่มหรือปรับตารางกันใหม่อีกครั้ง แต่ทั้งนี้ต้องดูกมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ. … ประกอบด้วยว่าพิจารณาเสร็จได้ช่วงเวลาใด เพราะจะพยายามพิจารณาให้แล้วเสร็จใกล้เคียงกัน
นายสมชัย กล่าวอีกว่า ความเห็นของกมธ.ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะเป็นบวก หมายความว่ายอมรับเอาแนวความคิดที่จะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกเสียงประชามติทั้งในแง่ของการรณรงค์โดยเสรีและมีโอกาสออกเสียงประชามติอย่างกว้างขวางทั่วถึง ดังนั้น สิ่งที่กมธ.น่าจะเห็นพ้องต้องกันในการแก้ไขหากดูจากบรรยากาศน่าจะเป็นไปในทางบวก ยกตัวอย่าง อาจมีการเปิดกว้างให้มีการใช้วิธีการอื่นนอกจากการใช้บัตรลงประชามติ ซึ่งในกฎหมายร่างพ.ร.บ.ประชามติ ที่เสนอเข้ามากำหนดให้ใช้วิธีการออกเสียงโดยบัตรอย่างเดียว และน่าจะมีโอกาสที่จะให้มีการออกเสียงล่วงหน้าทั้งในเขต นอกเขต และนอกราชอาณาจักร ขณะที่ร่างที่เสนอเข้ามานั้นไม่เปิดโอกาส มีแค่ลงประชามติในวันออกเสียงประชามติและคนในประเทศอย่างเดียว จึงเป็นทิศทางและแนวโน้มที่ดี เพราะจะทำให้การทำประชามติครั้งต่อไปไม่ว่าจะเป็นการทำประชามติเรื่องของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหรือเรื่องอื่นๆ น่าจะมีหลักเกณฑ์เป็นที่ยอมรับและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง
