ฝ่ายค้านล็อกเป้ารมต.ถูกถลก15 ม.ค. ปมบริหารปท.-แก้โควิดเหลว ‘อนุชา’ยันรบ.ไร้จุดอ่อนซักฟอก เชื่ออยู่ครบ4ปี

ฝ่ายค้านล็อกเป้ารมต.ถูกถลก15 ม.ค. ปมบริหารปท.-แก้โควิดเหลว ‘อนุชา’ยันรบ.ไร้จุดอ่อนซักฟอก เชื่ออยู่ครบ4ปี

การยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี ยังเป็นที่น่าสนใจว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีไม้เด็ดอะไรที่จะสร้างสั่นคลอนให้กับรัฐบาล โดยเมื่อวันที่ 9 มกราคม นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ประชุมและเตรียมยื่นญัตติแล้ว แต่ละพรรคเสนอประเด็นเข้ามาพอสมควร แต่ยังไม่ลงรายละเอียด โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านจะประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 15 มกราคม เพื่อลงรายละเอียดเลือกรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ คาดว่าจะยื่นญัตติได้ในช่วงปลายเดือนมกราคม และจะได้อภิปรายช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ เบื้องต้นพรรค ก.ก.ได้แจกประเด็นจากส่วนกลางไปให้ ส.ส.ของพรรคเพื่อไปหาข้อมูล โดยจะใช้ระบบการอภิปรายแบบมีธีมต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป้าหมายความสำเร็จของการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลคืออะไร เพราะเสียงในสภาของรัฐบาลมีเยอะกว่าฝ่ายค้าน นายธีรัจชัยกล่าวว่า เป้าหมายของพรรคร่วมฝ่ายค้านคือความชอบธรรมของรัฐบาล และความล้มเหลวการบริหารราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ การจัดการโควิด-19 ประสิทธิภาพและความหละหลวมการกำกับดูแลราชการแผ่นดิน การใช้งบประมาณ การทุจริตและประพฤติมิชอบ และการขึ้นสู่อำนาจของ คสช.ที่สืบจนมาถึงปัจจุบัน ที่เป็นการรักษาอำนาจของตัวเองโดยไม่คำนึงถึงประชาชน ต้องรอหารือเรื่องประเด็นอย่างชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม พรรคฝ่ายค้านไม่อยากจะอภิปรายไปจนถึงเวลาตี 2 หรือตี 3 เหมือนครั้งที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้ดึกจนเกินไป จึงอยากจะต่อรองให้ใช้วิธีขยายวันอภิปรายแทน เช่น 5-7 วัน เพื่อให้ประชาชนติดตามได้ อยากจะให้รัฐบาลใจกว้างให้มีการตรวจสอบ เพื่อนำไปแก้ไขการทำงาน อีกทั้งรัฐบาลยังมีเสียงชนะฝ่ายค้านอยู่ 70 เสียง จึงไม่ต้องกลัว

ด้าน นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านว่า คิดว่าไม่มีอะไรน่าหนักใจในเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนตัวผ่านการเมืองมามาก ดูไม่เห็นมีประเด็นใดที่จะเป็นประเด็นที่จะเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล หรือจุดอ่อนของคณะรัฐมนตรีที่เป็นจุดจนเป็นกระแสอย่างรุนแรงที่ทำให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากล หรือทำให้เห็นถึงความอ่อนด้อยในด้านใดด้านหนึ่งที่เป็นภาวะเป็นจุดเสี่ยง ถึงวันนี้ยังไม่เห็นมีอะไรที่น่าวิตกกังวลอะไรเลย

ผู้สื่อข่าวถามว่าประเมินสถานการณ์ทางการเมืองทั้งภายในและภายนอกในปี 2564 ของรัฐบาลอย่างไร นายอนุชากล่าวว่า คิดว่าถ้าหากประเมินรัฐบาล คิดว่ารัฐบาลมีความเข้มแข็งอยู่แล้ว คงอยู่บริหารประเทศได้ครบ 4 ปีแน่นอน เพราะว่าไม่ได้มีอะไรที่รัฐบาลมีจุดบอดหรือความเสื่อมเสีย ที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์เป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นทางการเมือง เท่าที่มองดูคงไม่มีภาวะและปัจจัยอะไรที่จะมาทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ แล้วมีสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดแข็งคือ นายกฯ มีความตั้งใจจริงที่จะนำพาประเทศชาติให้ผ่านพ้นวิกฤตในหลายๆ เรื่องให้ผ่านไปให้ได้ เช่น โรคระบาด การเมือง หรือภาวะเศรษฐกิจที่จะต้องช่วยกันแก้ไข ตรงนี้คิดว่าภาคการเมืองคงจะมีความเข้มแข็ง แม้จะเป็นรัฐบาลที่มีพรรคร่วมก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่มีความแตกแยกทางความคิดเห็นในเวลานี้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image