‘เครือข่ายแรงงาน’ ยื่น 5 ข้อเรียกร้อง ต่อตัวแทนนายกฯ ขีดเส้น ‘1 เดือน’ ก่อนยกระดับปักหลักหน้าทำเนียบ
สืบเนื่องจากกรณี เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน นัดหมายทำกิจกรรม “รวมพลคนไม่มีจะกิน” ครั้งที่ 2 ในเวลา 16.00 น. หน้าทำเนียบรัฐบาล นั้น เพื่อยื่น 5 ข้อเรียกร้อง คือ 1.มารดาประชารัฐ เเละค่าเเรงขั้นต่ำ 425 บาท ที่สัญญาไว้, 2.ประเด็นการศึกษา ลดค่าเทอม 3 ปี, 3.ลดขนส่งสาธารณะครึ่งราคา, 4.ลดภาษี จาก 7% เป็น 5% และ 5.เบี้ยชรา เบี้นคนพิการ 3,000 ต่อเดือน นั้น
เวลา 20.15 น. ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ตัวแทนเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี อ่านแถลงการณ์ร่วม ถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง ข้อเรียกร้อง ลดค่าครองชีพ เพิ่มสวัสดิการเพื่อปากท้องประชาชน โดยระบุว่า
ประเทศไทยในขณะนี้กำลังประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจและปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ทำให้ประชาชนคนไทยทั้งหลายมีปัญหาทางด้านไม่มีเงินเพียงพอในการดำรงชีพ ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวประสบสภาวะยากลำบาก รวมถึงการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่ไม่สามารถทำมาหากิน มีรายรับหรือได้รับเงินเดือนน้อยลง เนื่องจากการจำกัดกิจกรรม ของประชาชนตามนโยบายภาครัฐตามมาตรการป้องกันโรคระบาด
เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนทุกกลุ่ม รวมทั้งเป็นการเพิ่มรายได้ให้ประชาชนในสภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดครั้งนี้ ทางกลุ่มฯ จึงขอเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างถ้วนหน้าทั้งรูปแบบทำทันทีและช่วยเหลือประชาชน อย่างทั่วถึง ดังต่อไปนี้
ข้อที่ 1 เร่งผลักดันนโยบายที่ได้ให้ไว้กับประชาชนให้สำเร็จเป็นรูปธรรม เช่น โครงการมารดาประชารัฐ นโยบายเพิ่มค่าแรงเป็น 400-425 บาท นโยบายยกเว้นภาษีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ 2 ปี ฯ ซึ่งนโยบายข้างต้นนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและพรรคพลังประชารัฐได้ใช้เป็นนโยบายหาเสียงการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา เมื่อท่านได้เป็นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ ซึ่งถือเป็นการรักษาสัจจะของนักการเมือง จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลได้จัดทำนโยบายนี้ให้สำเร็จเป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วน
ข้อที่ 2 เสนอให้พักชำระค่าเทอมหรือค่าบำรุงการศึกษาของนักเรียน ตั้งแต่ ระดับชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษา จนถึงระดับอุดมศึกษา ในโรงเรียนรัฐบาลและมหาวิทยาลัยเป็นเวลา 3 ปี เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง ประกอบกับในช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ทำให้การใช้สาธารณูปโภคในโรงเรียนไม่ได้ใช้อย่างเต็มที่เงินส่วนต่าง ๆ ที่ได้จ่ายไปให้โรงเรียนควรหยุดพักหรือนำมาคืนให้กับผู้ปกครองเพื่อได้นำเงินเหล่านั้นมาเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างการเรียนออนไลน์หรือการเรียนที่บ้าน
ข้อที่ 3 ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสาธารณะ (BTS/MRT) ครึ่งราคา “ระบบขนส่งมวลชนพึงเป็นกิจการที่รัฐต้องดูแลประชาชน ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์สูงสุด ดังนั้นรัฐต้องจัดการลดราคา ค่าโดยสารให้สอดคล้องกับค่าครองชีพของประชาชนคือการคิดค่าเฉลี่ย โดยนำกำไรในเส้นทางที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่นมาชดเชยส่วนต่างในเส้นทางที่ขาดทุน ส่วนการลงทุนรัฐบาลร่วมลงทุนและอุดหนุนส่วนต่างราคา เพื่อให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้บริการสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าที่รวดเร็วและลดมลพิษ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน
ข้อที่ 4 ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) จาก 7% เป็น 5% รวมทั้งยกเลิกภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพื่อให้คนไทยได้ใช้น้ำมันที่ราคาถูก การลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มและลดภาษีสรรพสามิต จะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจให้กับภาคเอกชนในธุรกิจขนส่ง อันจะส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศมีการฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งแนวโน้มจะทำให้ของอุปโภคบริโภคราคาถูกลง ส่งผลดีกับประชาชนในด้านการจับจ่ายใช้สอย
ข้อที่ 5 รัฐบาลต้องผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับการให้บำนาญแก่ผู้สูงอายุทุกคนเป็นบำนาญถ้วนหน้าโดยมีวงเงิน 3,000 บาท เพราะหลักประกันที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอต่อการเป็นหลักประกันทางรายได้และยังมีความเหลื่อมล้ำ คนที่ประกอบอาชีพต่างๆ จะได้รับเงินจากรัฐเมื่ออายุเลยวัยทำงานแล้วในอัตราที่แตกต่างกันอยู่มาก อีกทั้งการจ่ายเงินของภาครัฐยังมีลักษณะเป็นการสงเคราะห์มากกว่าการเป็น “สวัสดิการพื้นฐาน” ที่ประชาชนทุกคนพึงได้รับ ยกระดับให้ประชาชนทุกคนเมื่ออายุถึง 60 ปี จะมีสิทธิได้รับบำนาญ 3,000 บาทอย่างเสมอภาค
ปัญหาปากท้องจึงเป็นปัญหาที่สำคัญในช่วงเวลานี้ของประเทศไทย รัฐบาลจำเป็นต้องจริงใจในการแก้ปัญหา พิจารณาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ทางกลุ่มจึงเสนอ
ข้อเสนอดังกล่าวเพื่อให้รัฐบาลได้พิจารณาแนวทางเพื่อลดค่าครองชีพ ส่งเสริมปากท้องประชาชนให้อยู่ดีกินดี สามารถดำรงชีวิตในชีวิตประจำวัน อันจะก่อให้เกิดสภาวะเศรษฐกิจที่คล่องตัว ของประเทศต่อไป
เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน
25 กุมภาพันธ์ 2564
ทั้งนี้ นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี ออกมารับหนังสือ
โดย เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี ได้ถาม 2 คำถาม ว่า
ใน 5 ข้อเรียกร้อง ภายใน 1 เดือน ข้อไหนจะสำเร็จข้อเรก
โดย นายสมพาศ กล่าวว่า ข้อเสนอทั้ง 5 จะรีบส่งเรื่องไปให้นายกรัฐมนตรีต่อไป
เมื่อถามว่า ภายใน 1 เดือนนี้ ท่านคิดว่าข้อเรียกร้องจะได้รีบการตอบสนองต่อประชาชนหรือไม่
นายสมพาศ กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรีคงส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบโดยเร็ว ส่วนจะตอบสนองประชาชน ภายใน 1 เดือนหรือไม่ ก็จะเร่งดำเนินการให้โดยเร็ว
เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี กล่าวต่อว่า ภายใน 1 เดือนนี้ ถ้า 1 ใน 5 ข้อเรียกร้องไม่่สำเร็จ เราจะกลับมาทวงถาม ถ้ายังไม่เคลื่อนไหว เตรียมพบกัน เราจะมาปักหลักชุมนุมที่นี่ ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อถามว่า เมื่อไหร่ข้อเรียกร้องของเราจะสำเร็จ
จากนั้น เวลา 20.19 น. มวลชนร่วมเปิดแฟลช ร้องเพลง “อยากจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้” ของวงสามัญชน ก่อนนัดหมายชุมนุมวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เวลา 16.00 น. ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ หรือหากใครเดินไหว ไปเดินด้วยกัน จาก MRT สะพานพระนั่งเกล้า
ก่อนยุติกิจกรรมในเวลา 20.28 น. ทั้งนี้ เพจกระเทยแม่ลูกอ่อน ได้ทำข้าวต้มมาแจกจ่ายมวลชนอีกด้วย