อดีตเลขาฯ สมช. ยกกรณี กปปส.สะท้อนชัด พวกสืบทอดอำนาจ เห็นแก่ตน ฆ่าขุนพล ไร้สัจจะ
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่สมาชิกรัฐสภาพิจารณาได้ก้าวมาถึงการรอลงมติในวาระที่สามแล้ว ตามกระบวนการล้วนต้องมี 250 ส.ว.ที่มาจากขบวนการยึดอำนาจเข้าร่วมลงมติตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ แต่หากเขาเหล่านั้น มีสำนึกเข้าถึงความหมายของคำว่าสปิริต และความชอบธรรมแล้ว สิ่งที่เขาพึงกระทำคือ การวางเฉยในเรื่องแก้เนื้อหา แล้วมาทำหน้าที่เฉพาะการยกมือสนับสนุนให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเป็นไปตามเนื้อหาที่ ส.ส.เสนอ เพราะ ส.ส.เขามีความชอบธรรมในฐานะผู้แทนตัวจริงของประชาชน ส่วนกรณีที่ กปปส.ตัวละครสมคบคิดการยึดอำนาจถูกศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกแล้วได้รับการประกันตัวในชั้นอุทธรณ์เร็ว เมื่อนำมาเทียบเคียงกับคดีของกลุ่มราษฎร 4 คน ที่ถูกจำคุกระหว่างการพิจารณาคดี กลับยังไม่ได้รับการประกันตัว จึงตอกย้ำความเชื่อในความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย
“พฤติการณ์ดังกล่าว จึงถูกตั้งเป็นคำถามว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองนี้ ไม่เป็นแบบอย่างของความมีสปิริตและยังไม่ตระหนักถึงความชอบธรรมด้วยหรือไม่ ประกอบกับการเห็นธาตุแท้ที่ว่า ขบวนการยึดอำนาจที่ได้แปลงร่างมาเป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจนั้น คือ เชื้อโรคบ่อเกิดการสร้างพฤติกรรมความเห็นแก่ตัว มุ่งหาแต่ผลประโยชน์ส่วนตน พร้อมเสร็จศึกฆ่าขุนพล โดยไม่คำนึงถึงสัจจะ เกียรติยศศักดิ์ศรี เป็นต้นเหตุหลักการก่อวิกฤตทุกมิติแก่สังคมไทย เป็นเหตุให้เด็กเยาวชนเขาไม่อาจให้ความเชื่อถือเคารพศรัทธากับผู้หลักผู้ใหญ่เหล่านี้ได้ การชุมนุมขับไล่รัฐบาลมันจึงต้องเกิดขึ้น และจะไปผสานเข้ากับสถานการณ์การแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีและการทรยศหักหลังกันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้การลุกฮือของซีกรัฐบาล ฝ่ายค้าน และภาคประชาชนกลุ่มราษฎรต่างไหลรวมไปรุมสกรัมขับไล่นายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจให้ตกจากเก้าอี้ไป ส่วนจะเกิดอะไรขึ้นตามมาก็ค่อยไปว่ากันใหม่” พล.ท.ภราดรกล่าว