ชินวรณ์ เปรียบแก้รธน.เหมือนถอนฟืนออกจากไฟ ชี้ทุกฝ่ายควรร่วมตัดสินใจเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้า

‘ชินวรณ์’ เปรียบการแก้รธน.เหมือนการถอนฟืนออกจากไฟ ชี้ทุกฝ่ายควรร่วมมือในการตัดสินใจครั้งสำคัญเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าได้

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) (ฉบับที่…) พ.ศ…. รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ส.ว.มีท่าทีว่าจะไม่โหวตผ่านร่างรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ว่า กระบวนการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีมาตามลำดับ โดยส.ว.หลายคนได้แสดงทัศนะที่ชัดเจนมาตลอด ว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญโดยจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)

ฉะนั้นจึงย่อมจะมีบ้างเป็นธรรมดาที่หลายคนจะยังมีความคิดเห็นเดิม แต่ตนยังเชื่อมั่นว่าเสียงส่วนใหญ่หลังจากได้ฟังการอภิปรายทั้งในวาระ 1 และ 2 รวมทั้งได้ดูรายงานของกมธ.ที่ได้ออกมาแล้วก็ได้เห็นภาพอย่างชัดเจน ว่า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญคราวนี้เป็นกระบวนการแก้ไขในหลักการ 2 อย่างเท่านั้น คือการแก้ไขมาตรา 256 และแก้ไขให้มีการจัดตั้งส.ส.ร. ซึ่งเป็นเรื่องที่เคยทำมาแล้วตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2539 และรัฐธรรมนูญปี 2542 จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าต่อได้ เพราะไม่เพียงแต่เป็นการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญเท่านั้น และคิดว่าการตัดสินใจครั้งสำคัญครั้งนี้ เป็นเรื่องของการอยากเห็นการเมืองนำไปสู่ความสมานฉันท์และสร้างเสถียรภาพทางการเมือง

“เพราะผมเชื่อมั่นว่าการผ่านกฎหมายรัฐธรรมนูญเหมือนกับการถอนฟืนออกจากไฟ ซึ่งเป็นกับดักของประเทศประการหนึ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ หวังว่าทุกฝ่ายอยากจะเห็นประเทศเดินหน้าไปได้ เพราะฉะนั้นในฐานะที่เป็นผู้เสนอร่างและเป็นกรรมาธิการด้วย ก็อยากเรียกร้องทุกฝ่ายให้ปลดวางอัตรานุภาวะทานของตนเองออกไป เพื่อมาร่วมมือกันในการที่จะมาเดินหน้าให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป” นายชินวรณ์ กล่าว

นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้มีด่านที่สำคัญที่แสดงให้เห็นว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ โดยด่านแรกจะเป็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะได้มีการรับคำร้องขอส่งบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริง และความเห็นของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย (พท.) และคณะ โดยจะมีการแถลงด้วยวาจาในวันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคมนี้ ถือเป็นเรื่องกลไกตามครรลองประชาธิปไตย เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจ ซึ่งเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญก็พยายามเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องไปให้ข้อมูล ทั้งนี้เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญก็ตระหนักทุกมิติ ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อการที่จะมีคำวินิจฉัยว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบต่อกรณีดังกล่าว ซึ่งหากศาลให้ผ่านก็จะมีการลงมติในลำดับต่อมา

Advertisement

เมื่อถามว่ามีความกังวลเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่อาจจะออกมาว่าไม่สามารถดำเนินการต่อได้หรือไม่ นายชินวรณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความกังวลของตนหรือของใคร แต่เป็นความรับผิดชอบของทุกคนที่มีส่วนในการตัดสินใจ ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนคิดว่าทั้งรัฐบาล สมาชิกรัฐสภาต้องมีความร่วมมือกันในการตัดสินใจครั้งสำคัญในคราวนี้ ว่าจะให้ประเทศของเราเดินหน้าต่อไปหรือไม่ หรือว่าจะสุมฟืนเข้ากองไฟเพื่อที่จะนำไปสู่กระบวนการที่ขัดแย้งไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ตนคิดว่าทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบต่อสถานการณ์บ้านเมืองที่จะเกิดขึ้น

นายชินวรณ์ กล่าวด้วยว่า มีเสียงพูดกันว่ามีกระบวนการเตรียมการในการเดินหน้าไม่ให้รัฐธรรมนูญผ่าน ซึ่งไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น หรือเป็นไปตามที่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย หรือฝ่ายที่ต้องการให้มีเหตุการณ์รุนแรง ฉะนั้นจึงต้องมาช่วยกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image