‘ภาคีปกป้องสถาบัน’ อ่านแถลงการณ์ เตือนกลุ่มไม่หวังดีต่อประเทศ ย่ำยีหัวใจคนไทย ขอพลังเงียบร่วมแสดงจุดยืน
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันนัดหมายรวมตัวบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ แยกราชประสงค์ บรรยากาศเมื่อเวลา 13.00 น. มีการนำรถเครื่องเสียงปักธงชาติไทยขนาดใหญ่ พร้อมด้วยธงกลุ่มอาชีวะรักสถาบัน จอดเทียบริมทางเดินเท้าริมถนนราชดำริฝั่งห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ผู้เข้าร่วมส่วนหนึ่งแต่งกายด้วยเสื้อยืดสีเหลือง นำโบสีขาวแดงน้ำเงินผูกแขนและศีรษะ บางส่วนสวมใส่เสื้อยืดสีเขียว มีข้อความ ‘นักรบอิสระ ปกป้องสถาบัน’
เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน เข้าพูดคุยกับผู้จัดกิจกรรม ซึ่งยืนยันว่าได้แจ้งการชุมนุมตามกฎหมายต่อ สน.ปทุมวัน เรียบร้อยแล้ว
เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 5)
โดยปัจจุบันยังปรากฏว่าพบการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของบุคคลกลุ่มต่างๆ ในลักษณะกลุ่มก้อนภายในประเทศ
ดังนั้น จึงยังมีความจำเป็นต้องบังคับใช้มาตรการด้านสาธารณสุขที่ทางราชการกำหนด อาทิ การเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย และการป้องกันการสัมผัสของบุคคลอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง
ผู้จัดกิจกรรมกล่าวกับเจ้าหน้าที่ว่ารับทราบ และจะดำเนินตามมาตรการอย่างเคร่งครัด โดยไม่มีการเคลื่อนขบวนแต่อย่างใด
กระทั่งเวลาประมาณ 14.40 น. มีการตั้งแถวบริเวณบันไดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ หันหน้าสู่ถนนราชดำริ เพื่ออ่านแถลงการณ์ร่วมของกลุ่มต่างๆ ในนาม ‘ภาคีปกป้องสถาบัน’ ประกอบด้วย กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน, นักรบอิสระ, นักรบองค์ดำ, นักรบศรีวิชัย, กุหลาบพิทักษ์ราชัน, กลุ่มอนุรักษ์คนรักสถาบัน, ไทยรักสถาบัน เป็นต้น
เนื้อหาในแถลงการณ์โดยสรุประบุว่า ภาคีปกป้องสถาบันมีเป้าหมายพิทักษ์รักษาสถาบันอันเป็นสถาบันสูงสุดของประเทศตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยมีการทำกิจกรรมภายใต้กฎหมายและความถูกต้อง ไม่ใช้ความรุนแรง เชื่อว่ามีชาวไทยจำนวนมากรักในสถาบันเช่นเดียวกัน ที่ผ่านมามีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในหลายพื้นที่เกือบทั่วประเทศโดยใช้ชื่อกลุ่มต่างๆ ล้วนสร้างความแตกแยกและความเดือดร้อน หลายครั้งมีการจาบจ้วง ดูหมิ่นสถาบันอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งอาจมีผู้อยู่เบื้องหลัง คนเหล่านี้ไม่ยำเกรงกฎหมาย ท้าทายอำนาจรัฐ ย่ำยีหัวใจคนไทยที่รักสถาบัน จึงไม่อาจทนได้อีกต่อไป ภาคีมีมติว่าต้องแสดงออกในจุดยืนร่วมกับพลังเงียบ ขอเชิญคนไทยที่อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดีออกมาร่วมแสดงพลัง ขอให้กลุ่มดังกล่าวหยุดการกระทำทั้งหมด โดยภาคีจะไม่ยอมให้ผู้ไม่หวังดีกระทำการอย่างที่ผ่านมาอีกต่อไป
จากนั้นแกนนำชายรายหนึ่งกล่าวคำปฏิญาณโดยผู้ร่วมกิจกรรมกล่าวตามพร้อมๆ กัน ความโดยสรุปว่า มันผู้ใดบังอาจดูหมิ่นสถาบัน คิดแบ่งแยกประเทศ เปลี่ยนธงไตรรงค์ เราพร้อมต่อต้าน ขัดขวางทุกการกระทำที่เหยียบย่ำใจคนไทยอย่างถึงที่สุด นี่เป็นการเตือนเพียงครั้งเดียว
ขอพระสยามเทวาธิราชและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงขจัดปัดเป่า คืนความสุข ความสามัคคี คุ้มครองอภิบาล ขอธงไตรรงค์อยู่คู่แผ่นดินนี้สืบไป
จากนั้นภาคีฯตะโกนพร้อมกันอย่างกึกก้องว่า ‘อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี’
ต่อมาเป็นการปราศรัยโดยตัวแทนกลุ่มต่างๆ ในภาคี กระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าแจ้งข้อกฎหมายอีกครั้งตามที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา 5 มีนาคม 2564 ผู้จัดจึงมีการสอบถามความเห็นผู้ร่วมกิจกรรมว่าจะดำเนินต่อไปตามเดิม คือยุติในเวลา 18.00 น. หรือจะยุติเพียงเท่านี้
