สิระ จ่อเชิญ ตร. แจงปมอุบัติเหตุที่ภูเก็ต หลังไม่ตรวจแอลกอฮอล์ ชี้รวย-จน ต้องได้รับความเท่าเทียม

‘สิระ’ เตรียมเชิญตำรวจแจงปมอุบัติเหตุที่จ.ภูเก็ต หลังไม่ตรวจแอลกอฮอล์ ชี้รวยหรือจน ต้องได้รับความเท่าเทียม

เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 19 มีนาคม ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจาก นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เพื่อขอให้ช่วยพิจารณาผลักดันกฎหมาย ให้มีการตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุเป็นสาเหตุให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

โดย นพ.แท้จริง กล่าวว่า หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วต้องตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ แต่ปัจจุบันนั้นจะตรวจหรือไม่ตรวจก็ได้ เราจึงเห็นอุบัติเหตุที่เกิดจากการเมาแล้วขับแต่ผู้ขับขี่ไม่เคยได้รับการตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์เลย และมีหลายกรณีที่เป็นเช่นนี้ โดยขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ได้ถูกดำเนินคดี จึงนำเรื่องมาปรึกษากมธ.กฎหมายว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุก็ต้องตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ หากดำเนินการเรื่องดังกล่าวแล้วสำเร็จ ต่อไปในอนาคตผู้ขับขี่ที่เมาแล้วขับก่อให้เกิดอุบัติเหตุ จะต้องโดนตรวจแอลกอฮอล์โดยเร็วที่สุด

ด้าน นายสิระ กล่าวว่า หากเปรียบเทียบผู้ที่เมาแล้วขับขี่ เบื้องต้นดื่มเหล้าแล้วเมาคืออันธพาล แต่ถ้าไปขับรถ ตนถือว่าเป็นฆาตกร เป็นอาชญากร ตนยืนยันว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ การที่ไปขับรถชนแล้วทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ฆาตกรเหล่านี้ต้องได้รับการลงโทษ แต่ที่ผ่านมาเป็นเพียงระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะตรวจหรือไม่ตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ เพราะฉะนั้นจะต้องออกกฎหมายบังคับให้เจ้าหน้าที่ว่า หากไม่ปฏิบัติตามต้องมีบทลงโทษจำคุก

Advertisement

ซึ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ประชาชนสงสัย ตนก็สงสัย ว่าอุบัติเหตุที่ จ.ภูเก็ต ทำไมไม่ตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ ก็มีการอ้างเรื่องดุลยพินิจ

ทั้งนี้ ตนจะเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.ภูเก็ต มาชี้แจงต่อกมธ.ว่าการบังคับใช้กฎหมาย เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ มีผลประโยชน์แอบแฝงหรือไม่ และผู้เกี่ยวข้องในอุบัติเหตุนี้เป็นผู้มีชื่อเสียงหรือมีเงินหรือไม่ ถึงไม่ตรวจ หากเป็นคนไม่มีชื่อเสียงหรือไม่มีเงินต้องตรวจใช่หรือไม่ คุกมีไว้ขังคนจนใช่หรือไม่

ดังนั้น จึงต้องออกกฎหมายให้เป็นมาตรฐานเดียวกันว่า จะรวยหรือจน ก็ต้องได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นนโยบายของ กมธ.กฎหมาย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image