อดีตเลขาฯสมช. เตือนตร.ระวังเจอฟ้อง สลายม็อบไม่สนกม. ซ้ำรอยผู้น้อยโดน เจ้านายรอด

อดีตเลขาฯสมช. เตือนตร.ระวังเจอฟ้อง สลายม็อบไม่สนกม. ซ้ำรอยผู้น้อยโดน เจ้านายรอด

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการสลายชุมนุมกลุ่ม REDEM เมื่อวันที่ 20 มีนาคมว่า แม้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะแถลงข่าวว่าเป็นการปฏิบัติการที่เป็นไปตามแบบสากล แต่กลับถูกสังคมวิจารณ์ในทางตรงข้าม เพราะภาพที่ปรากฎในสื่อมีแต่ภาพที่เจ้าหน้าที่รุมทำร้ายเด็กเยาวชน ขณะที่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย ระบุว่า ไม่เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติของคณะกรรมการว่าด้วยสิทธิเด็กของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นกติกาที่ไทยต้องถือปฏิบัติในฐานะเป็นภาคีสมาชิก ส่วนภาพที่เจ้าหน้าที่ถูกผู้ชุมนุมทำร้ายกลับไม่มีภาพปรากฏในสื่อ สะท้อนถึงการปฏิบัติการที่ไม่เป็นมืออาชีพ เพราะการเข้าสลายการชุมนุมที่ต้องเผชิญกับเด็กเยาวชน เจ้าหน้าที่จะต้องมีฝ่ายมวลชนสัมพันธ์บันทึกภาพเคลื่อนไหว มีสื่อมวลชนและฝ่ายสิทธิมนุษยชนเข้าร่วมสังเกตการณ์การปฏิบัติ เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานว่าเจ้าหน้าที่มีการปฏิบัติที่สมควรแก่เหตุ

“ยิ่งมาดูถึงการตั้งตู้คอนเทนเนอร์เป็นเครื่องกีดขวาง ก็ยังยึดตรึงไม่เป็นจนถูกรื้อถอนอย่างง่ายดาย การฉีดน้ำ ยิงแก๊สน้ำตา ยิงกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุม ก็กระทำอย่างรวบรัดขั้นตอน โดยเฉพาะการยิงกระสุนยางก็อยู่ในระดับสเปะสะปะยิงโดนหัว ยิงเข้าใส่กลุ่มผู้สื่อข่าวอีกด้วย บทสรุปคือปฏิบัติการในทุกกระบวนท่าไม่เป็นมืออาชีพไม่เป็นสากล และไม่สมควรแก่เหตุ เพราะย่ามใจคิดว่า มีอำนาจของพ.ร.บ.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินคุ้มหัวอยู่ แต่ในข้อกฎหมายนั้น เขามีเงื่อนไขว่า ถ้าจะคุ้มครองก็ต่อเมื่อต้องเป็นการกระทำที่สุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่เกินสมควรแก่เหตุหรือไม่เกินกว่ากรณีจำเป็น การปฏิบัติการสลายชุมนุมครั้งนี้เมื่อผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บต่างเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการอย่างไม่สมควรแก่เหตุ ก็จะต้องนำไปฟ้องร้องดำเนินคดี แล้วเมื่อนั้นแหละเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยผู้ปฏิบัติจะเดินคอตกถูกลงโทษ แต่เจ้านายที่สั่งการจะเผ่นหนีเอาตัวรอด เรื่องแบบนี้มันมีตัวอย่างในอดีตให้เห็นมาแล้ว” พล.ท.ภราดรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image