“สมชัย” ชี้ กรณี ส.ว.ขอโหวตใหม่ เหตุเพราะรอแต่วิปไม่คิดเอง เหน็บสมควรแล้วที่เด็กบอกให้มีแค่สภาเดียว

“สมชัย” ชี้ กรณี ส.ว.ขอโหวตใหม่ เหตุเพราะรอแต่วิปไม่คิดเอง เหน็บสมควรแล้วที่เด็กบอกให้มีแค่สภาเดียว

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับการลงคะแนนโหวตเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ว่า

“ลงคะแนนแบบไม่มีความคิด พอโหวตผิดขอให้นับคะแนนใหม่
การลงมติของ รัฐสภา ในวาระที่สอง การพิจารณาแปรญัตติรายมาตรา พรบ.ประชามติ เมื่อค่ำวันที่ 18 มีนาคม 2564 ที่ร่างฝ่ายค้านชนะร่างรัฐบาล ในมาตรา 9 อย่างฉิวเฉียดแค่ 6 คะแนน ด้วยคะแนน 273 : 267 จนทำให้มี ส.ว.ขึ้นมาเสนอให้นับคะแนนใหม่โดยให้เหตุผลว่า “สับสนในการลงมติ” จนได้เสียงโห่จาก ฝั่ง ส.ส. ดังสภา มีด้วยหรือ ที่แพ้แล้วขอให้นับใหม่

ผมนั่งในห้องประชุมในฐานะกรรมาธิการ เห็นว่าสาเหตุที่ฝ่ายค้านชนะ เพราะหลักการและเหตุผลที่ดีกว่า โดยเฉพาะประเด็นการเพิ่มเหตุของการลงประชามติ ที่เดิมจำกัดเพียงเหตุจากการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และ ตามที่ ครม.เห็นชอบ มาเพิ่มประเด็น ตาม กม.กำหนด ตามที่รัฐสภามีมติ และ ตามที่ประชาชนเข้าชื่อ จึงทำให้ได้เสียงสนับสนุนเพิ่มจาก ส.ส.ฝั่งรัฐบาล และ ฝั่ง ส.ว.บางราย
แต่ก็เป็นไปได้ว่า ส.ว.จำนวนหนึ่งอาจสับสนในการลงมติ เนื่องจากมาตรานี้ ต้องลงมติสองครั้ง

ครั้งแรก
กด 1 เห็นชอบตามร่างเดิมของ ครม.
กด 2 เห็นว่าควรเปลี่ยนแปลงแก้ไข
(กรณีนี้ วิป ส.ว. ให้ กด 2)

Advertisement

ครั้งที่สอง
กด 1 เห็นชอบเปลี่ยนแปลงตาม กมธ.เสียงข้างมาก (ร่าง ฝ่ายรัฐบาล)
กด 2 เห็นชอบเปลี่ยนแปลงตาม กมธ.เสียงข้างน้อย (ร่างฝ่ายค้าน)
(กรณีนี้ วิป ส.ว. ควรให้ กด 1)

ผมสังเกตในช่วงลงมติ ฝั่ง ส.ส. ไม่มีการส่งสัญญานอะไร เพราะน่าจะตัดสินใจเองได้ แต่ฝั่ง ส.ว ทำหน้าเหรอหรากัน เพราะตามประเด็นไม่ทัน เหมือนกับรอวิปสั่งให้ลงมติ พอมีการชู สองนิ้ว ก็ชูต่อกันใหญ่ การลงมติครั้งที่สอง ก็เลยกด 2 เห็นชอบกับ กมธ. เสียงข้างน้อยไปด้วย
ดังนั้น การชนะของฝ่ายค้าน นอกจากเหตุผลที่ดีแล้ว น่าจะเป็นอุบัติเหตุของความงงๆของฝ่าย ส.ว.ด้วย
เห็นลงมติแบบไม่ติดตามเรื่อง รอฟังแต่วิป สมควรแล้ว ที่ให้เด็กๆบอกว่า อย่างมีมีสภาเดียวเหอะ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image