เปิดแผน ก.คลัง นำการบินไทย กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ อีกครั้ง โดยให้กองทุนวายุภักษ์ ขายหุ้น ให้ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ ที่ ก.คลังถือหุ้น 100% เพื่อให้ใส่เงินเสริมสภาพคล่อง ขณะที่ คมนาคม ลุยค้านแหลก กระทบเพดานหนี้สาธารณะ เพิ่มเข้ามาทันที 3 แสนล้านบาท แถมต้องนำภาษีอากรของคนทั้งชาติมาจ่ายให้อีกปีละ 5 หมื่นล้านบาท ตอบประชาชนไม่ได้ ว่าแล้วเอาออกจากรัฐวิสาหกิจ เมื่อ 9 เดือนที่แล้ว เป็นการตบตาหรือไม่
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า วันนี้ (28 เม.ย.) มีการนัดประชุมเรื่องบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง พร้อมตัวแทนสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สนง.บริหารหนี้สาธารณะ สนง.นโยบายรัฐวิสาหกิจ บริษัทผู้ทำแผนฟื้นฟูการบินไทย (บริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด) ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทที่ปรึกษากฎหมาย และ บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) เข้าร่วมประชุม
โดยที่กระทรวงการคลัง นำเรื่องการแก้ไขปัญหา บริษัทการบินไทย ในแนวทางที่จะให้นำกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ อีกครั้งหนึ่ง โดยจะมีการดำเนินการ คือ ปัจจุบันกระทรวงการคลัง ถือหุ้นบริษัทการบินไทย 47.86% โดยที่ กองทุนวายุภักษ์ จะขายหุ้นบริษัทการบินไทย ให้บจก.ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ หรือ DAD ตั้งแต่ 2.15% ขึ้นไป ซึ่งจะมีผลทำให้ บริษัทการบินไทย กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ อีกครั้ง ตามพ.ร.บ.วิธีงบประมาณ พ.ร.บ.บริหารหนี้สาธารณะ และ พ.ร.บ.เอกชนร่วมลงทุนกับรัฐ และพ.ร.บ. อื่น ๆ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง และกระทรวงการคมนาคม มีความเห็นไม่ตรงกัน ในส่วนที่จะดำเนินการกับสถานะของ บริษัทการบินไทย ให้กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ อีกครั้ง ตามที่กระทรวงคลัง เสนอมา เพื่อให้สามารถค้ำประกันเงินกู้ได้ โดยกระทรวงคมนาคมเห็นว่า จะเกิดภาระกับรายจ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะหนี้สาธารณะที่จะเพิ่มขึ้นมาร่วม 3 แสนล้านบาท เพิ่มจากเดิม ที่มีอยู่ 2 แสนล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หากให้ บจก.ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ หรือ DAD ซึ่งตั้งขึ้นตามมติ ครม. ในปี 47 มีกระทรวงการคลัง ถือหุ้น 100% มีวัตถุประสงค์เพื่อลงทุนก่อสร้างอาคารและบริหารอสังหาริมทรัพย์ โดย “บริหารจัดการทรัพย์สินอื่นของรัฐตามนโยบายรัฐบาล” นั้น จะเข้ามาถือหุ้นใน บริษัทการบินไทย จะเป็นการเกินอำนาจวัตถุประสงค์ของ บจก.ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ ที่ก่อตั้งขึ้นมาหรือไม่ (Ultra Vires )
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่า บจก.ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ ประกาศผ่านหน้าเว็บไซด์ นัดประชุม ใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2564 วันนี้ (28 เม.ย. 64) ซึ่งในระเบียบวาระการประชุม ข้อที่ 8 พิจารณาอนุมัติเพิ่มวัตถุประสงค์ของบริษัทและการแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิข้อ 3 ของบริษัท จึงมีความเป็นไปได้ว่า อาจมีการดำเนินการเพิ่มวัตถุประสงค์ให้สามารถลงทุน/ถือหุ้นใน TG ได้ เพื่อการเข้าซื้อหุ้นต่อจาก กองทุนวายุภักษ์
เป็นที่น่าสังเกตว่า การดำเนินการนี้ ไม่ต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีการยกเว้นแต่เป็นการลงทุนเกิน 25% หรือการร่วมลงทุนในบริษัทในเครือ ซึ่งต้องนำเสนอกระทรวงเจ้าสังกัด คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ คนร. และครม. แต่ในทางปฏิบัติ การลงทุนของ บจก.ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ ต้องกระทำผ่านการพิจารณาโดยผู้บริหาร/คณะกรรมการบริษัท ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตัวแทนจากกระทรวงการคลัง แทบทั้งสิ้น ดังนั้น ก่อนที่จะเริ่มซื้อหุ้น บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้นั้นจะต้องมีแนวทางที่แน่ชัดจาก กระทรวงการคลัง
รายงานข่าว ระบุ ด้วยว่า ในที่ประชุม มีความเป็นห่วง หากจะนำบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กลับเข้ามาเป็นรัฐวิสาหกิจ อีกครั้ง ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
1.การบริหารจัดการหนี้ หลังจากที่กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ อีกครั้ง เรื่องนี้จะส่งผลต่อตัวเลขหนี้สาธารณะให้เพิ่มขึ้นมา จากวันที่พ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ มีอยู่ 2.2 แสนล้าน แต่วันนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 3แสนล้าน ซึ่งจะถูกโอนมาเป็นภาระของรัฐบาล ซึ่งก็คือภาษีอากรของประชาชน ในทันที
2.รัฐจะต้องนำงบประมาณไปสนับสนุนให้บริษัทการบินไทย ปีละ 5 หมื่นล้านบาท ตามค่า KPI ทำให้รัฐต้องเข้าไปค้ำประกันไม่น้อยกว่า 3- 5 ปี กว่า บริษัทการบินไทย จะกลับมามีกำไร
3.เกิดข้อครรหาจากประชาชน เพราะเมื่อ 9 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง ดำเนินการขายหุ้น จนทำให้การบินไทยออกจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่ทำไมวันนี้มาเสนอให้กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ เป็นการตบตาประชาชนหรือไม่
4.ความเสี่ยงจากที่อยู่กับเอกชน เมื่อเป็นรัฐวิสาหกิจ ความเสี่ยงจะกลับมาอยู่กับภาครัฐในทันที .
5.การดำเนินการตามแผนฟื้นฟู ที่กระทรวงคมนาคม เสนอไว้ ได้พยายามดำเนินการหรือยัง และหากยังไม่ดำเนินการ มั่นใจได้อย่างไรว่าจะฟื้นฟู ไม่สำเร็จ