‘ดร.กนก’ จวก ‘สุพัฒนพงษ์’ ผลัก ปชช. สู่หุบเหวแห่งความเสี่ยง หลังเสนอแนวคิดนำเงินเก็บมาใช้หวังกระตุ้น ศก. แนะอย่ามองแค่จีดีพี ให้เน้นเพิ่มผลผลิตการเกษตร เร่งสร้างความเชื่อมั่นด้วยวัคซีน
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะดูแลด้านเศรษฐกิจต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เสนอให้สร้างมาตรการแรงจูงใจให้คนที่มีเงินฝากดึงเงินออมของตนเองออกมาใช้สัก 5-6 แสนล้าน เพื่อดึงให้ GDP โตขึ้นเป็น 4%
โดย ศ.ดร.กนกระบุว่า ตนพยายามจะเข้าใจความคิดนี้ และอยากเสนอให้วิเคราะห์ปัญหาให้ลึกกว่านี้ ก่อนที่จะนำเสนอนโยบายเพื่อให้รัฐบาลจะได้มีนโยบายที่แก้ปัญหาได้จริง และได้รับการสนับสนุนจากประชาชน การที่นายสุพัฒนพงษ์ ต้องการให้เกิดการใช้เงินจับจ่ายใช้สอยในตลาด ด้วยเงินเก็บของประชาชน ก็มีคำถามว่า มาตรการจูงใจที่จะออกมาแรงพอที่จะให้คนนำเงินเก็บออกมาใช้หรือไม่
ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์ให้ลึกลงไปจะพบว่า การที่คนมีเงินเก็บ แต่ไม่นำเงินนั้นออกมาใช้ มีเหตุผลสำคัญ คือ พวกเขามองไม่เห็นว่าในอนาคตโอกาสที่พวกเขาจะมีรายได้กลับเข้ามาอีกเมื่อไหร่ เมื่อไม่เชื่อมั่นว่าจะมีรายได้ในอนาคต ทุกคนจึงต้องระวังด้วยการเก็บเงินไว้สำหรับประกันความมั่นคงของตนเองก่อน ดังนั้นการที่ประชาชนจะใช้เงินจับจ่ายใช้สอยหรือไม่ จึงขึ้นกับความเชื่อมั่นในอนาคตมากกว่าการลดแลกแจกแถม เพื่อกระตุ้นให้คนใช้เงิน
“ในเวลาเดียวกัน การกระตุ้นให้คนใช้เงินโดยที่ยังมองไม่เห็นอนาคต ถือเป็นความไม่รับผิดชอบต่อประชาชน เมื่อประชาชนใช้เงินเก็บไปหมดแล้ว และเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น รายได้ก็ไม่มี ตอนนั้นเงินเก็บก็หมดแล้ว การกระตุ้นให้ประชาชนใช้เงินเช่นนี้ถือเป็นการผลักประชาชนให้ตกลงไปในเหวของความเสี่ยง ที่ผู้นำกำหนดนโยบายสาธารณะไม่ควรทำอย่างยิ่ง การเสนอนโยบายกระตุ้นการบริโภคโดยไม่เห็นอนาคต ของการมีรายได้ จึงเป็นการขาดจริยธรรมและความรับผิดชอบของการกำหนดนโยบาย” ศ.ดร.กนกกล่าว
ศ.ดร.กนกกล่าวต่อว่า ขอเสนอให้นายสุพัฒนพงษ์ พุ่งเป้าไปที่การสร้างความเชื่อมั่น เพื่อนำไปสู่แรงจูงใจที่ดี พร้อมระบุว่าเศรษฐกิจไทยไม่ใช่กระดานโต้คลื่น ลงทะเลแล้วไม่รู้จะเจอคลื่นยักษ์แค่ไหน จะทรงตัวต่อไปได้หรือไม่ แต่ปัญหาเศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่เรากำหนดทิศทาง ลำดับความสำคัญในการแก้ปัญหาได้ สำคัญเพียงว่าวิสัยทัศน์ถึงพอที่จะวางนโยบาย สร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนและผู้ประกอบการได้หรือไม่
ประเด็นที่ขอฝากให้ที่ประชุมระดมสมองของนายสุพัฒนพงษ์ ไปคิดด้วยคือตัวเลข GDP กินไม่ได้ แต่ผลผลิตเกษตรหรือสินค้าและบริการที่ผลิตออกมากินได้ ดังนั้นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถูกต้องจึงไม่ใช่การปั้นตัวเลข GDP แต่คือการพัฒนาผลิตภาพ (Productivity) ผ่านการลงทุนมากกว่า ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในยามนี้เริ่มต้นด้วยการสร้างความเชื่อมั่นของคนไทยต่ออนาคตของประเทศและความเชื่อมั่นเริ่มต้นได้ด้วยการเร่งฉีดวัคซีนให้ครบทุกคนทั้งประเทศ
