‘ธีรัจชัย’ แย้งโฆษก ป.ป.ช. ยันพฤติกรรม ‘ธรรมนัส’ ฝ่าฝืนจริยธรรม ตั้งใจปกปิดคุณสมบัติ

‘ธีรัจชัย’ แย้ง รองเลขาฯป.ป.ช. ยัน ‘ธรรมนัส’ ทำความผิดขณะเป็น รมต. ด้าน ‘สำนักเลขาฯครม.’ ชี้ ต้องให้เจ้าตัวยินยอม ถึงจะเปิดข้อมูลละเอียดได้

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีที่ นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. ระบุว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาจไม่เข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง เพราะการติดคุกที่ออสเตรเลียเกิดขึ้นก่อนมาเป็นส.ส. หรือรัฐมนตรีว่า ส่วนใหญ่ความผิดเกี่ยวกับจริยธรรมจะเป็นความผิดที่เกิดขึ้นขณะดำรงตำแหน่ง แต่อย่าลืมว่า หลังจากที่ ร.อ.ธรรมนัสได้เป็น ส.ส.แล้ว ก็ยืนยันและรับรองคุณสมบัติตัวเองตอนที่จะเข้าเป็นรัฐมนตรีต่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัสปกปิดว่า ไม่เคยต้องคำพิพากษาจำคุกในต่างประเทศ จึงถือว่าเกิดขึ้นในขณะดำรงตำแหน่ง ในส่วนของรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) ระบุว่า จะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และ (5) ระบุว่า ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

นายธีรัจชัยกล่าวว่า ประเด็นหลักคือ 1.การที่ ร.อ.ธรรมนัส รับรองคุณสมบัติของตัวเอง โดยที่ปกปิดข้อมูลแบบนี้จะถือว่า มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ หากสุจริตจริงจะต้องไม่ปกปิดว่า ตัวเองเคยต้องคำพิพากษาจำคุกในออสเตรเลีย 2.ในขณะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งจะต้องกรอกแบบฟอร์มรับรองคุณสมบัติของตัวเอง แบบนี้จะถือว่า ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ 3.ขณะที่ดำรงตำแหน่ง ส.ส. และรัฐมนตรีได้ชี้แจงต่อ กมธ.ปปช. ในวันที่ 12 ธันวาคม 2562 ว่า ถูกจำคุกเพียง 8 เดือนถือว่า เป็นการให้การอย่างตรงไปตรงมาและสุจริตหรือไม่ ประเด็นเหล่านี้รองเลขาฯ ป.ป.ช. ได้ตรวจสอบหรือยัง

สิ่งที่ตนกังวลอย่างหนึ่งคือ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติ แจ้ง กมธ.ปปช.กลับว่า ข้อมูลที่ ร.อ.ธรรมนัส ยื่นนั้น เป็นข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้เจ้าตัวยินยอมก่อนจึงจะสามารถเปิดเผยได้ หากเป็นบุคคลทั่วไปไม่ยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลก็คงไม่เป็นไร แต่ ร.อ.ธรรนัส เป็นบุคคลสาธารณะที่มาเป็นรัฐมนตรี จึงเป็นปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของประเทศ ทำให้เรารู้สึกว่า การขอตรวจสอบข้อมูลของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถึงยากเย็นแสนเข็ญอย่างนี้ อย่างไรก็ตาม กมธ.ปปช.จะขอข้อมูลจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เกิดการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา

นายธีรัจชัยกล่าวว่า หากสามารถรวบรวมข้อมูลมาได้เรียบร้อยแล้วก็จะยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. กรณีผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง และยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ยังเร็วไปที่จะสรุปว่าจะยื่นร้องเรียนในประเด็นใดบ้าง เพราะมีข้อเท็จจริงอยู่เยอะ ทั้งนี้ทางรัฐบาลควรจะทำเรื่องนี้ให้เปิดเผยและโปร่งใส จริงหรือไม่จริงก็ว่ากันไป ส่วนการวินิจฉัยของ ป.ป.ช. หรือตุลาการก็วินิจฉัยไป แต่ก็ต้องยืนอยู่บนหลักถูกต้องชอบธรรม

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image